รักนี้อยู่ที่เธอ
สวัสดี ชื่อเรย์ นี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่แต่งขึ้น เป็นนิยายแนวรัก อาจจะไม่ดีเท่าไรนะค่ะแต่ช่วยกรุณาอ่านให้จบด้วย เรื่องนี้มีพระเองนางเอก สองคู่ได้แก่คู่แรกเป็นคู่ของ ลินลี่ ริออน และ คู่ที่สองเป็นคู่ของคาน่า คริส เริ่มจากที่ลินลี่แอบชอบ ริออนแต่ริออนไม
ผู้เข้าชมรวม
64
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เรื่องย่อ
ในช่วง Summer ของมหาลัยแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นมีเด็กสาวอยู่กลุ่มหนึ่งซึ้งล้วนแล้วแต่เป็นคุณหนูกันทุกคนนำทีมโดยลินลี่ พวกเขาเป็นเพื่อนที่รักกันมาก แล้ววันหนึ่งริออนเพื่อนตั้งแต่เด็กของสาวๆและเป็นคนที่ลินลี่แอบชอบก็กลับมาจากอิตาลีเพื่อที่จะมาชวนเพื่อนๆไปเที่ยวพักร้อยที่อิตาลีระหว่างทางไปคฤหาสน์ของริออนที่อิตาลี ลินลี่ก็เกิดสนใจมหาวิหารประจำเมืองมิลาน ดูโอโม ( Duomo ) ขึ้นมาริออนเลยสัญญาว่าจะพามาแต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ลินลี่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างที่เธอกำลังดูสถาปัตยกรรมอย่างเพลิดเพลินคาน่าผู้หญิงที่ริออนแอบชอบก็มาด้วยนั้นเองแต่คาน่าไม่เคยคิดกับริออนเกินเพื่อนเลยเพราะคาน่ามีคนที่ตัวเองชองอยู่แล้วนั้นก็คือคริสซึ้งริออนก็รู้เรื่องนี้ดีแล้ววันนั้นเองริออนก็ได้รู้ความจริงบางอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อนนั้นก็คือลินลี่แอบชอบตัวเองอยู่ แล้วกลางคือของวันนั้นริออนก็ไปหาลินลี่ที่ห้องนอนแล้วก็จูบเธอไว้เนิดนานแล้วยังพูดทิ้งท้ายไว้อีกว่า “ ลินลี่ ระหว่างที่อยู่อิตาลีนี้ เธอก็ยังต้องเจอกับฉันทั้งวันอยู่ดีล่ะนะ ...แล้วฉันจะคอยดูล่ะกัน ว่าเธอจะเป็นตัวแทนของคาน่าได้ดีขนาดไหน หึหึหึ ” คำพูดนั้นถึงจะทำให้ลินลี่เสียใจแต่ลินลี่ก็ดีใจที่ยังพอมีประโยชน์กับคนที่ตัวเองรักอยู่บ้าง แล้วด้วยความที่รักเพื่อนคารินเพื่อนของลินลี่จึงคิดแผนเพื่อให้ริออนและลินลี่รักกันให้ได้แต่ลินลี่ก็ปฏิเสธ แล้วริออนก็พาพวกลินลี่ไปเที่ยวที่เวนิชล่องเรือกอนโดล่าลอดใต้สะพานรีอัลโต้ช่างแสนโรแมนติกแต่สำหรับลินลี่และริออน เขาทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อย่างไรกันล่ะคนรู้จัก? เพื่อนรัก? คนรัก? หรือว่าเป็นแค่ตัวแทนเท่านั้น?... ระหว่างที่กำลังชมวิวอยู่นั้นเองริออนก็เหลือบไปเห็นคาน่าที่มากับคริส ริออนรีบบอกให้กอนโดเลียจอดเรือแล้วลงจากเรืออย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้สนใจจะเหลียวมองลินลี่เลยแม้แต่น้อย ส่วนคริสที่ไปเดินเล่นนั้นก็เดินไปชนเข้ากับลินลี่ ระหว่างที่เถียงกันอยู่นั้นนิกะและคานรินก็เดินมาหามพอดี แล้วบอกให้ทั้งสองคนเข้าร่วมแผนที่ตนคิดไว้พอคาน่าและริออนเดินมาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นนั้นคือภาพที่ลินลี่ป้อนอาหารให้กับคริสพอคาน่าเห็นก็รีบวิ่งออกมาทันทีส่วนริออนก็รีบวิ่งตามไปปลอบคาน่า จนเย็นริออนถามลินลี่ว่าจะกลับกับใคร แน่นอนว่าลินลี่ต้องตอบว่าคริสเมื่อมาถึงคฤหาสน์คริสลินลี่ก็ไปพักที่ห้องที่คริสเตรียมไว้ให้หลังจากนั้นคริสก็ให้คาน่าไปตามลินลี่ที่ห้องแต่ระหว่างที่ลินลี่และคริสกำลังคุยกันอยู่นั้นเบลและริสก็ได้ยิน แล้วนำเรื่องไปบอกคาน่าแต่คาน่าไม่เชื่อหลังจากนั้นคริสก็ให้คาน่าไปเข้าร่วมการประชุมด้วยระหว่างที่ทั้งสองไปเข้าร่วมการประชุมริออนก็แอบมาหาลินลี่ทางด้านคริสคาน่าก็เกิดข้อเท้าพลิกคริสเลยให้คาน่านอนที่ห้องแล้วก็เกิดหลงรักคาน่าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวพอกลับมาถึงคฤหาสน์คริสก็เรียกให้พวกคารินมาหาโดยที่มีริสและเบลที่รู้แผนการมาเข้าร่วมด้วยแล้วคารินก็เริ่มแผนโดนบอกทุกคนว่าแม่ของพวกเขาเรียกตัวกลับญี่ปุ่นด่วนเลยทิ้งลินลี่ไว้ที่อิตาลีทางริสก็เริ่มแผนการเหมือนกันโดยที่เรียกคาน่า คริสและลินลี่มาที่ห้องรับแขกแล้วบอกว่าคาน่าชวยให้ไปพักผ่อนที่ญี่ปุ่น พอเดินทางมาถึง ญี่ปุ่นคริส คาน่า ลินลี่และริสก็ได้เจอกับริออนซึ่งในช่วงนั้นเองก็เป็นช่วงเทศกาลดอกไม่ไฟพอดีพวกเขาเลยพากันไปเที่ยวที่งานเทศกาลแต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นอีกลินลี่และคาน่าถูกลักพาตัวไป พวกคารินที่แอบซุ้มดูอยู่ก็รีบไปบอกคริสและ ริออนทันทีหลังจากที่คริสและริออนรู้ก็รีบตามหาคาน่าและลินลี่ทันทีพอพวกเขารู้ว่าคาน่าและลินลี่อยู่ที่โรงแรมไหนก็รีบไปทันที หลังจากที่ช่วยทั้นสองสาวสำเร็จก็รีบพาส่งโรงบาลทันทีหลังจากนั้นพวกเขาก็กลับไปพักโดนไม่รู้มาก่อนเลยว่าลูกน้องของทรีโน่จะกลับมาเอาตัวลินลี่ไปอีกหลังจากที่ริออนรู้เรื่องก็รีบออกตามหาลินลี่ทันทีแล้วพอรู้ว่าลินลี่ถูกพาตัวไปที่อิตาลีก็รีบตามไปทันทีหลังจากที่ริออนช่วยลินลี่ได้แล้วก็ย้ายโรงพยาบาลกลับมาที่ญี่ปุ่นพอทุกคนหายดีกันแล้วก็ไปกันที่ โตเกียวทาวเวอร์แล้วพวยคารินก็เริ่มเซอร์ไพรส์ โดยการจุดดอกไม้ไฟที่พวกเขาซื่อด้วยกันตองเทศการดอกไม้ไฟที่ผ่านมาเป็นความทรงจำดีๆที่พวกเขาได้รับ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ที่ ห้องสมุด ณ คฤหาสน์หลังงามในญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ....
ในห้องสมุดที่ใหญ่โตและหรูหรา ทำไมหนังสือมันกองเป็นเทือกเขาหิมาลัยแบบนี้เนี่ย !!! ตาย ตาย ตาย ซักวัน คงได้หล่นทับหัวลินลี่ตายแน่เลย แล้วหัวลินลี่เพื่อนรักฉันอยู่ไหนเนี่ยไม่ใช่ว่าตายไปแล้วนะเนี่ย ถ้าตายแล้วฉันจะอยู่กับไค ไม่นะ
“ ลินลี่ ลี่ลี่ลี่ลี่ลี่ ” เสียงแปดหลอดของคนคิดดังขึ้น
“ มีอะไร คารินเสียงดังแต่เช้าเลย !!! ” เสียงเจ้าของคฤหาสน์ดังขึ้น
“ ลินลี่ อยู่ไหนเนี่ย ลินลี่เพื่อนรัก ” คารินตามหาเจ้าของเสียง
“ หลังกองหนังสือที่เธอยืนอยู่ หันหลังแล้วจะเจอเอง ”
“ อ้าว!!! แล้วไปอยู่ทำไมตรงนั้น O_O นึกว่าโดนหนังสือทับหัวม่องเท่งไปแล้วซะอีก ”
“ นั้นปากเหลอนั้น ดีแต่เช้าเลย ”
“ โทษค๊าบ แล้วทำอะไรอยู่นะ ”
“ ซักผ้า มีอะไรรึป่าว ”
“ อ่าว คนเค้าถามดีๆยังจะกวนอีก ”
“ ก็เห็นอยู่ว่าหาหนังสืออยู่ ก็ยังจะถามอีก แปลกคน ”
“ ถามนิดถามหน่อยไม่ได้เลยนะ ”
“ ไม่ได้ ”
“ แรงงง ”
“ แล้วมีไรรึป่าวมาหาแต่เช้าเลย ”
“ นึกว่าจะไม่ถามซะละ ”
“ ไม่มีไรงั้นกลับไปเลย ”
“โทษค๊าบ โทษค๊าบ ”
“ ดี รู้จักขอโทษซะบ้าง ถามจิงแล้วมีไรเนี่ย ”
“ พรุ่งนี้สอบแล้วเสร็จแล้วไปเที่ยวที่ไหนกันดี ^o^” คารินถามด้วยหน้ายิ้มแย้ม
“ ไปไหนก็ไป -_-” ลินลี่ตอบด้วยหน้าเฉยชา
“ ที่ไหนก็ได้ใช้ไหม ^o^ ” คารินยิ้ม
“ ป่าว หมายถึงเธออะ ไปไหนก็ไป ”
“ อ้าวไหงงั้นนะ คนเค้าชวนไปเที่ยวแท้ๆ T^T ใจร้าย ไม่น่ารักเลยยยย ” คารินทำท่าน้อยใจ
“ รู้แล้ว แต่วันนี้ฉันจะอ่านหนังสือเข้าใจนะ ” -_- !!!
“ กวนอีกเดี๋ยวเรียก พวก SP มาจับเลยนิ ”
“ ขอประทานอภัยเพคะองค์หญิงลินลี่ ”
“ ดีมากยกโทษให้ ”
“ เพคะ ขอบพระทัยมากเพคะองค์หญิงลินลี่ที่ไม่โกรธ หม่อมฉันจะไม่กวนแล้วกลับบ้านดีกว่า งอนแล้ว T-T ” คารินทำหน้าบึ้งแล้วเดินออกไปจากห้อง
“ ทำมาเป็นเล่นเดี๋ยวเชือดทิ้งซะเลย ” ลิ้นลี่ตะโกนทิ้งท้ายก่อนที่คารินจะเดินออกจากห้อง
“ โหดร้าย ไม่น่ารักเลย เชอะ!!! ” แล้วเสียงของคารินก็เงียบไป
กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง กริ๊งงงงง เสียงโทรศัพท์ของลินลี่ดังขึ้น “ Hi ลินลี่” เสียงโรสดังขึ้นในโทรศัพท์
“ อะไรอีกละ ” ลินลี่ทำเสียงเบื่อ -_-
“ อะไรอีกละ หมายความว่าไง คนเค้าอุส่าคิดถึง ” ?_?
“ ป่าว มีอะไรว่ามา ”
“ จะไปเที่ยว ไปรึป่าว ^[]^” โรสถาม???
“ พวกเธอไม่อ่านหนังสือกันบ้างรึไงนะ ชวนฉันเที่ยวกันอยู่ได้ ”
“ ก็คนมีเงินอะ ก็อยากใช้เป็นธรรมดา รวยอะนะช่วยไม่ได้ เรามีหน้าที่ผลานก็ควรผลานให้เต็มที่ไม่ใช่เก็บไว้ให้มันขึ้นรา ”
“ ค๊าบบบๆแล้วแต่เธอเถอะแต่ฉันไม่ไป ไปชวนคารินสิอาจไปก็ได้ ” ลินลี่ตอบด้วยความหวังดี
“ รู้ได้ไงเก่งนะเน่ย ??? ”
“ คารินพึ่งออกจากบ้านฉันไปเมื่อกี้นี้เอง ”
“ อ๋อ ได้งั้นสู้ๆนะ บายจ๊ะ ” แล้วโรสก็วางสายไป
“ เฮ้ย !!! หมดเวนหมดกรรมซักทีเรา =_=” เสียงถอนหายใจดังขึ้นในห้องที่เต็มไปด้วยหนังสือที่เงียบสงบ จะมีใครมาอีกไหมเนี่ย
ยามบ่าย .....
“ ลินลี่ ลี่ลี่ลี่ลี่ลี่ลี่ลี่ ” เสียงแปดหลอดของรันดังขึ้น
“ นึกว่าหมดเวนหมดกรรมแล้วซะอีก T^T” ลินลี่ ถอนหายใจอีกครั้ง
“ มีอะไรอีกรันเพื่อนสุดที่รัก ” ลินลี่พูดแบบอ่อนใจ
“ ป่าวไม่มีอะไร กลัวเหงาเลยมาอยู่ด้วย ^3^” รันพูดเหมือนรักเพื่อนมาก
“ ไม่เป็นไร ฉันเกรงใจม๊ากมาก ” ลินลี่พูดปัด
“ ไม่เป็นไร ฉันเต็มใจมา ”
“ จริงๆก็ไม่มีคนอยู่ด้วยเลยมาหาฉันงั้นซิ ”
“ ก็อะนะ ไม่อยากอยู่คนเดียวนิ ลินลี่สุดที่รักก็รู้นิว่าฉันอยู่คนเดียวไม่ได้ ”
“ รู้แล้ว รู้แล้ว ไม่ต้องมาทำสายตาลูกหมาถูกทิ้งเลย ”
“ ก็อะนะ ก็ที่บ้านไม่มีคนอยู่เลยมีแต่คนใช้กับพวกยาม ปะป๊าก็ไปดูงานที่บริษัท มะม๊าก็ไปเที่ยวที่สิงคโปร์แล้วฉันก็เลยกลายเป็นคนที่ถูกลืม ”
“ น่าสงสานนะ ไปเที่ยวกับคารินซิ ” ลินลี่เสนอ
“ ไม่เอาอะ เดือนนี้ใช้เงินหมดแล้ว T^T”
“ อะไรจะ ผลาน เงินเก่งขนาดนั้น จำได้ว่าพึ่งได้ไป 50000 เมื่อ 5 วันก่อนไม่ใช่เหลอ ”
“ ก็ซื่อ iphone แล้วก็ App อีกเยอะเลยก็เลยปาเข้าไปหลายหมื่น แล้วก็เอาเงินที่เหลื่อไปซื่ออุปกรแต่แล้วก็เที่ยวเงินก็เลยหมดอะ ”
“ ใช่เงินเก่งจริงนะ ”
“ อย่าบ่นเป็นแม่ซิ ”
“ เออๆ งั้นก็อย่ากวนละฉันจะอ่านหนังสือ ”
“ OK ฉันจะเป็นเด็กดี >_<” รันยิ้มอย่างดีใจ
“ ดีมาก แล้วกินข้าวมารึยังเนี่ย ” ลินลี่ถามอย่างเป็นห่วง
“ กินแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ” รันตอบพร้อมหน้ายิ้มแย้ม
“ ดีมากกก ”
ตกเย็น .....
“ รันยังไม่กลับอีกเหลอ ” ลินลี่ถามอย่างแปลกใจ
“ ยังอะ กลัวผีไม่อยากอยู่คนเดียว ”
“ แล้วแม่บ้านของเธอละ ”
“ ฉันไม่เคยนอนกันคนอื่นยกเว้นปะป๊า มะม๊า แล้วก็กินยานอนหลับก็ฉันกลัวความมืดนิ ”
“ จะนอนกับฉันไหมละ ??? ”
“ นอน นอน นอน วันนี้ฉันรักลินลี่มากเลยรักที่สุดในโลกเลย ^3^”
“ งั้นก็ไปอาบน้ำ แล้วก็นอนได้แล้วพรุ่งนี้จะสอบแล้วนะ ”
“ จริงดิ O-O ลืมไปเลยยังไม่ได้อ่านหนังสือเลยด้วย ตาย ตายแน่ๆโดนแม่ฆ่าแน่เลย ” รันพูดอย่างตกใจ
“ อ่าว นึกว่ารู้แล้วเห็นนั่งดูฉันอ่านหนังสือก็นึกว่าได้แล้วเลยไม่ได้เตือน โทษที ”
“ ลินลี่พรุ่งนี้ช่วยหน่อยดิ T^T” รันออดอ่อนอย่างเต็มกำลัง
“ ไม่ !!! ตัวไคตัวมันละกัน ก็เธอกับฉันอยู่กันคนละห้อง แล้วอีกอย่างฉันอ่านตั้งแต่เช้าแล้วยังเข้าใจแค่ครึ่งเดียวอยู่เลย ”
“ ตาย ตาย ตาย ตายแน่ๆ ” รันพูดแล้วล้มหัวลงนอนแล้วทั้งสองก็หลับไป
8 นาฬิกาตรง.....
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ คุณหนูค่ะ คุณหนูค่ะ คุณหนูลินลี่คุณหนูรันค่ะเช้าแล้วค่ะตื่นได้แล้วค่ะ และแล้วคุณหนูทั้งสองก็ต้องตื่นเพราะเสียงแม่บ้านที่บ้านของลินลี่มาปลุก
“ รัน นนนนนน ตื่น ” เสียงของลินลี่เรียกรันให้ลุกจากเตียง
“ เช้าแล้วเหลอ =O= ” รันหาวก่อนลุกจากเตียง
“ ยังมั้ง ”
“ ดี งั้นนอนต่อ ”
“ เฮ้ย ล้อเล่นนี้มันก็จะ 9 โมงแล้วนะ ”
“ จิงดิตาย ตาย ตาย ทำไมไม่รีบปลุกฉัน ”
“ บ้าป่าวฉันเรียกเธอตั้งแต่ 8 โมงแล้ว ”
“ จิงดิ ”
“ เออ รีบไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื่อผ้าได้แล้ว จะสายแล้วเนี่ย ” ลินลี่บอกรันที่พึ่งตื่นนอน
“ เออๆ ได้ๆ รอแป็บ 30 นาที ” รันรีบลุกไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื่อผ้า
“ แล้วชุดนักเรียนฉันอะ ??? ” รันหันกลับมาถาม
“ เธอใส่ไซน์เดียวกับฉันใช้ไหมละ ???” ลินลี่ถาม
“ ใช้ ฉันใส่ไซน์เดียวกับเธอ ” รันตอบ
“ งั้นก็หยิบชุดในตู้ใส่ได้เลย ”
1 ชั่วโมงผ่านไป.....
“ ยัยรัน นน นี้เธอตายคาห้องแต่งตัวแล้วมั้งนะ 30 นาทีบ้านเธอเท่ากับ 1 ชั่วโมงบ้านฉันเลย ” ลินลี่ตะโกน
“ เสร็จแล้ว ” รันยิ้ม
“ นี้ยัยรันเธอหลับคาห้อนแต่ตัวรึไงเนี้ย ”
“ ป่าว วว แค่หาเสื้อสวยๆใส่เอง ”
“ จะบ้ารึไง จะสอบอยู่มะรอมมะร่อแล้วยังจะสวยอีก เดี๋ยวก็ไปสายหลอก ” ลินลี่บ่นรัน
“ ขอโทษษษ ”
“ เออ ช่างมันงั้นไปมหาลัยกัน ” ลินลี่ตอบ
ณ มหาลัยแห่งหนึ่ง .....
“ ได้เวลาสอบแล้วนะจ๊ะนักศึกษาที่น่ารักของครู ^^” เสียงของคุณครูดังขึ้น
“ วันนี้มาครบทุกคนนะจ๊ะ เดี๋ยวอีก 5 นาทีจะได้เวลาสอบแล้วสู้ๆกันนะจ๊ะ” ครูพูดทิ้งท้ายแล้วแจกข้อสอบให้นักศึกษาทุกคน
“ นักศึกษาทุกคนทำข้อสอบได้เลยจ๊ะ เออถ้าจะลอกกันก็ลอกกันเนียนๆหน่อยละกันนะครูดูอยู่เพราะคูรขี้เกียจมานั้งเฝ้าพวกเธอซ้อมสู้ๆจ๊ะ ”
เวลาผ่านไป 5 ชั่วโมงในการสอบ.....
“ ลินลี่เป็นไงบ้าง ” นิกะตะโกนเรียกลินลี่
“ ก็ดีแล้วนิกะละทำข้อสอบได้รึป่าว ”
“ ได้ซิ แต่ยัยโรสกับยัยพีชนะซิ ลอกซะกะจะให้เหมือนกันทุกข้อเลยรึไงไม่เนียนกันเอาซะเลย ” นิกะพูดพลางขมวดคิ้ว
“ น่าๆ แบ่งกันบ้างดิอย่างก ” แล้วพีชก็เดินมาพอดี
“ อ่าว พีชกับโรสละ ??? ” นิกะถาม
“ ซื่อขนมอยู่เดี๋ยวก็มาเองแหละ เดี๋ยวฉันไปซื้อน้ำก่อนเดี๋ยวมา ” แล้วพีชก็เดินไป
“ โอ๊ย !!! เกือบตายแหนะ >O< ” เสียงคารินบ่นมาแต่ไกล
“ บ่นเป็นยายแก่ไปได้คาริน ” นิกะบ่น
“ ก็รันนะซิ ลอกไม่เนียนเลยเกือบโดนฆ่าตายคาห้องสอบแล้วไมละสายตาของอาจายนะทิ้มแทงเหลือเกินแต่ยัยรันก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย ” คารินบ่นต่อไป
“ โทษที โทษทีลืมดูครูอะ T()T” รันเดินมาพอดี
“ เออน่า เออน่า ไหนๆก็สอบเสร็จแล้วไปเที่ยวกัน ^^” โรสเดินถือขนมมาเต็มมือ
“ โรสนี้กะจะกินให้อวกแตกเลยรึไง ??? ” ลินลี่แซ่วเพื่อนสาวเล่น
“ ก็เออมมาแบ่งกันกินไง หรือว่าเธอไม่กิน ??? ”
“ เลิกเถียงกันแล้วมาช่วยฉันถือน้ำได้แล้วจะหกอยู่แล้วเนี่ย ” พีชก็เดินมาพอดี
“ ส่งมาเดี๋ยวฉันช่วยถือ ” แล้วทุกคนก็ช่วยพีชถือแก้วน้ำแล้วนั่งกินขนมกันอย่างเพลิดเพลิน หลังจากกินขนมกันเสร็จแล้วโรสก็เรียกคนขับรถของที่บ้านมารับพวกเพื่อนๆไปเที่ยว
3 ชั่วโมงหลังจากเดินเที่ยว.....
“ งั้นลากันตรงนี้ละกันคนที่บ้านของทุกคนคงมารับใช้ไหมไว้ไปเที่ยวแล้วโทรหากันใหม่นะ บายทุกคน ” ทุกคนลากันแล้วแยกทางกันกลับบ้าน
เช้าวันรุ้งขึ้น .....
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ คุณหนูค่ะ คุณหนูค่ะ คุณหนูลินลี่ค่ะเช้าแล้วค่ะ ”
“ วันนี้คุณริออนจะมาไม่ใช่หรือคะคุณหนู ” เสียงของแม่บ้านปลุกลินลี่ให้ตื่นจากความฝันและพาลินลี่ไปที่ห้องน้ำ
“ คุณหนูค่ะรีบแต่ตัวซิค่ะวันนี้นัดกับเพื่อนๆว่าจะไปรับคุณหนูริออนไม่ใช่หรือค่ะ ” เสียงของแม่บ้านเตือนลินลี่อีกครั้ง
“ แล้วทำไมฉันต้องไปรับเสด็จเจ้าริออนมันด้วยเนี่ย เสียเวลานอนหมด ” ลินลี่พูดอย่างโมโห
“ ก็ถ้าไม่ไปคุณหนูก็อดค่าขนมนะค่ะ “ แม่บ้านพูดอย่างเป็นห่วง
“ เออจริงด้วย !!! ลืมไปเลย 0o0” ลินลี่กลับมามีสติแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัว หลังจากแต่ตัวเสร็จพวกคารินก็มากันพอดี
“ ลินลี่ เสร็จยัง ” คารินตะโกนเสียงดัง
“ เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว !!! ” ลินลี่ตะโกนตอบ แล้วรีบวิ่งลงมาหาพวกคารินด้านล้าง
“ ไปรับเสด็จคุณชายริออนกัน ” แล้วทุกคนก็ขึ้นรถเพื่อไปรับริออน
ทำไม....บางคนถึงยังต้องการสิ่งของที่อยู่สูง...
ทั้งที่รู้ว่าตัวเองปีนขึ้นไปเก็บมันไม่ได้
ทำไม....บางคนถึงยอมที่จะเจ็บ...เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ไม่มีวันเป็นไปได้
ทำไม...บางคนถึงดื้อดึงที่จะรัก...ทั้งที่รู้อยู่ว่าไม่มีทางที่จะได้รักนั้นตอบกลับมา
และทำไม...ฉันถึงได้รักแก...ริออน
สนามบิน .....
“ แล้วเจ้าริออนมันอยู่ไหนเนี่ย ” ลินลี่พูดด้วยหน้าเบื่อหน่าย
“ ดีจ้าสาวๆ ^^” ชายหนุ่มผมทองลูกครึ่งอิตาลี เอ่ยทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ อ่าว ริออนมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร ??? ” เพื่อนทุกคนทำหน้าสงสัย
“ ตอนที่ลินลี่บ่นพอดีเลย ”
“ พูดมากจะกลับบ้านไหม ถ้าไม่กลับก็กลับอิตาลีไปเลย ” ลินลี่พูดด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
“ กลับๆ กลับซิอย่าพึ่งโมโหกันซิลินลี่เดี๋ยวไม่สวยหลอกกก ” ริออนตอบแล้วเดินตามลินลี่ไป
“ แล้วแกมาที่ญี่ปุ่นทำไมเจ้าริออน ” ลินลี่เอ่ยถามริออนด้วยสีหน้าเฉยชาเช่นเคย แต่ในใจกลับรู้สึกดีใจอย่างประหลาด
“ ฉันอยากมาชวนพวกเธอไปเที่ยวกัน เห็นว่าปิดภาคเรียนแล้วนี่ กลัวว่าจะเหงากัน ”
“ ฉันไม่ไป แกไปกับพวกคารินไปเถอะ ”
“ เอาน่าๆ ไปเที่ยวอิตาลีกัน ค่าตั๋วเครื่องบินฉันออกให้เองนะ แถมฉันจะยอมเป็นไกด์พิเศษนำเที่ยวเองเลยไปเถอะนะลินลี่ ไปเถอะนะ ”
“ แล้วทำไมต้องชวนฉัน ก็พาพวกนั้นไปสิ ”
“ ก็เพราะว่าลินลี่เป็นคนพิเศษสำหรับฉันน่ะสิ... ”
ทำไมหัวใจถึงเต้นแรงขึ้น...
“ ...เป็นเพื่อนฉันตั้งแต่เด็กนี่นา ”
และทำไมฉันยังรู้สึกดีใจกับความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงอยู่ตลอดนะ...
คงเป็นเพราะ...ฉันถอนตัวจากแกไม่ขึ้นแล้วสินะ
“ เอาเป็นว่าฉันจะไปกับแก และคิดว่านี่เป็นการพักผ่อนของฉัน ”
และเป็นการทำให้หัวใจที่อ่อนล้าของฉันนี้...มีความสุขขึ้น...มั่ง
“ คารินฉันว่าแปลกนา ไม่น่าเชื่อว่าลินลี่จะยอมไปง่ายๆอย่างนี้น่ะ ” นิกะเอ่ยถามคารินที่ยืนข้างๆ
“ ก็ไม่แปลกหรอกนิกะ ถ้าลินลี่เขาจะทำตามความรู้สึกน่ะ ” คำพูดนี้ช่วยเพิ่มความสงสัยให้กับ นิกะมากขึ้นไปอีก
“ งั้นวันนี้พวกเรานอนบ้านลินลี่กัน จะได้จักปาร์ตี้ต้องรับริออนด้วย ” คารินเสนอความคิดที่จะต้อนรับเพื่อนชาย
“ ได้รึป่าวลินลี่ ” นิกะทำเสียงอ้อน
“ ทำไมต้องเป็นบ้านฉันละ ”
“ ก็บ้านลินลี่ของกินเยอะสุดไง ผีมือการทำสปาเก็ตตี้ของแอนนาคุณแม่บ้านของลินลี่ก็อร่อยสุดๆด้วย ” โรสพูดบรรยายสรรพคุณของบ้านลินลี่
“ เออๆ ได้ก็ได้ ”
“ ลินลี่สวยที่สุดเลย แต่น้อยกว่าฉันนะ ” โรสชมลินลี่เล่นๆ
“ จะกลับบ้านกันได้รึยัง ” ลินลี่ถามขณะที่ตัวเองยืนมานาน
“ งั้นไปบ้านลินลี่กัน ” ทุกคนเลยเดินไปขึ้นรถตู้คันหรูที่จอดรออยู่หน้าสนามบิน
“ เออ สาวๆฉันว่าเราไปอิตาลีพรุ่งนี้เลยดีไม่ ” ริออนถามขณะนั่งอยู่บนรถ
“ ได้ซิ ” ทุกคนตอบพร้อมกัน
“ งั้นพรุ่งนี้ตอนบ่ายๆเราไปเก็บเสื่อผ้าแล้วเจอกันที่สนามบินเลย Ok นะ ” โรสบอกให้ทุกคนทำตาม
“ เอางั้นก็ได้ แต่วันนี้เราไปสนุกกันที่บ้านลินลี่กันดีกว่า ” พอริออนพูดจบรถก็มาจอดที่หน้าคฤหาสน์ของลินลี่พอดี
“ คุณแอนนา คุณแอนนาค่ะวันนี้พวกคุณหนูคารินจะค้างที่บ้านนะค่ะ เพราะจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณหนูริออนด้วยนะค่ะ แต่เรายังไม่ได้เตรียมอะไรเลยนะคะ ” เด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งมาบอกแม่บ้าน
“ อ่าว พวกคุณหนูวันนี้จะมาค้างที่บ้านทำไมไม่บอกกันก่อนละค่ะดิฉันจะได้จัดห้องไว้ให้ ” แม่บ้านรีบเดินไปหาคุณหนู
“ โทษที โทษที อยู่ดีๆพวกนี้นึกอะไรกันก็ไม่รู้อยากจักงานเลี้ยงต้อนรับริออนที่บ้านฉัน แล้วก็อยากกินสปาเก็ตตี้ผีมือเธอนะ ยังไงก็ทำๆไปเถอะ ”
“ เหลอคะดีใจจังคะ ” แม่บ้านตอบด้วยความดีใจ
“ จริงซิแอนนา ” โรสพูดเสริม
แล้วทุกคนก็จัดงานเลี้ยงกันอย่างสนุกสนาน
เช้าวันต่อมา.....
“ คุณหนูค่ะ คุณหนูค่ะ คุณหนูค่ะเช้าแล้วค่ะ วันนี้ไปรับผลสอบกันไม่ใช่รึค่ะ ” เสียงแม่บ้านปลุกพวกลินลี่อีกเช่นเคย
“ แอนนา วันนี้ลินลี่รับผลการสอบเหลอ ” ไม่น่าเชื่อคนที่ตื่นคนแรกไม่ใช่ลินลี่แต่เป็นริออน
“ ค่ะ วันนี้ผลสอบของพวกคุณหนูออกนะค่ะ แล้วทำไมคุณหนูริออนตื่นเช้าจังเลยละค่ะ ”
“ อ๋อ ก็มันต่างสถานที่นะเลยไม่ค้อยชิน เออจิงซิ งั้นไม่ต้องเรียกหลอกเดี๋ยวฉันไปเอาให้เอง ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไปรับเองจะดีกว่าแค่จะมาบอกให้พวกคุณหนูรู้เองค่ะ ”
“ ไม่เป็นไรครับ ถือเป็นการเปิดหูเปิดตาหลังจากไม่ได้มาญี่ปุ่นนาน ”
“ งั้นก็ได้ค่ะ แต่ดิฉันจะให้คนขับรถไปส่งนะค่ะ ”
“ ค๊ราบ บบบ คุณแอนนาใจดีที่สุดเลย ”
“ โรส นิกะ พีช รัน คาริน ตื่นได้แล้ว ” ลินลี่ที่ตื่นเป็นคนแรกเรียกเพื่อนทุกคนให้ตื่น
“ อ่าว ลินลี่แล้วเจ้าริออนละหายไปไหน ” นิกะที่ตื่นขึ้นมาถามหาเพื่อนชายที่พึ่งมาจากอิตาลี
“ แอนา แอนา ” ลินลี่เรียกแม่บ้านของตน
“ ค่ะคุณหนูมีอะไรรึป่าวค่ะ ” แม่บ้านวิ่งมาอย่างตกใจ
“ ริออนละ หายไปไหนแต่เช้าเลย พึ่งมาถึงแท้ๆเดี๋ยวก็หายหลอก ” ลินลี่โวยวาย
“ ใจเย็นๆซิค่ะคุณหนู คุณหนูริออนแค่ไปรับผลสอบมาให้พวกคุณหนูเองนะค่ะแล้วอีกอย่างดิฉันก็ให้คนขับรถไปส่งไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ” แม่บ้านรีบเล่าเรื่องราวต่างๆให้ลินลี่ฟัง
“ ใคร ใครเป็นห่วงเจ้าริออนบ้านั้นกันฉันก็แค่ไม่อยากถูกหักเงินค่าขนมเท่านั้นเอง ”
“ กลับมาแล้ว สาวๆ ” ชายหนุ่มผมสีทองเอ่ยเรียกทุกคน
“ เจ้าบ้าริออนไปไหนมาถ้าหายไปจะทำยังไง ” ลินลี่เข้ามาบ่นริออนทันทีที่เห็นหน้า
“ ลินลี่นี้เธอเป็นห่วงฉันเหลอ ” ริออนตกใจในคำถาม
“ บ้านนายซิ ใครเป็นห่วงนาย ฉันก็แค่ไม่อยากโดนแม่ด่าเฉยๆ ”
“ ค๊ราบ ค๊ราบ ขอโทษคราบ ”
“ ชิ ให้ตายซิ ” ลินลี่ทำเสียงรำคานแล้วเดินไป
“ เออ นี้ก็เที่ยงแล้วงั้นเดี๋ยวพวกเราแยกย้ายกันไปจัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกันดีกว่า แล้วเดี๋ยวอีก 30 นาทีเจอกันที่สนามบินนะ ” พีชพูดแล้วเดินไปรอคนขับรถที่หน้าบ้าน
“ งั้น พวกเราไปละนะอีก 30 นาทีเจอกันบาย ” คาริน นิกะ โรส รันพูดแล้วเดินออกไป
“ บายแล้วเจอกัน ” ลินลี่พูดแล้วเดินขึ้นไปเก็บกระเป๋า
“ งั้นฉันรออยู่ข้างล้างนะ ” ริออนพูดแล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟา
ณ สนามบิน.....
“ ลินลี่ ” คารินเอ่ยทักทายในขณะที่มือก็ถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไปด้วย
“ เฮ้! คาริน นิกะ ลินลี่ ” เสียงของรันดังขึ้น
“ อ๊ะ!รันกับโรสนิ แล้วพีชละ ” นิกะถามอย่างห่วงๆ
“ ไม่รู้หายไปไหนบอกจะมาตั้งแต่เช้าแล้ว ” โรสตอบด้วยสีหน้าเครียดในขณะเดียวกัน พีชก็เดินมาพอดี
“ อย่าว่ากันสิ ” พูดจบพีชก็เดินเข้ามาหาพวกเพื่อนๆ
ในขณะเดียวกัน ริออนก็เดินมาพอดี
“ อ้าวๆ สาวๆอย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ เครื่องจะออกแล้วนะ ไปกันเถอะ ” พูดจบริออนก็เดินนำลิ่วไป ตามไปด้วยลินลี่
“ ไปเถอะ ” คารินพูด
ณ อิตาลี ระหว่างทางไปคฤหาสน์ของริออน.....
“ พวกเธอไม่ต้องไปพักที่โรงแรมหรอกนะ อยู่กับฉันที่คฤหาสน์นี่ล่ะ ที่นี่เงียบเหงาจะตาย มีพวกเธออยู่คงครึกครื้นขึ้นมาบ้างล่ะ” ริออนเอ่ยขึ้นในขณะที่นั่งรถพาพวกลินลี่ไปที่คฤหาสน์ของตนเอง
“ อื่ม ฉันอยู่ที่ไหนก็ได้ ” ลินลี่พูดพลางเสหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง จนสายตาพลันไปเห็นมหาวิหารแห่งหนึ่ง ที่ด้านหน้ามีประตูอยู่ด้วยกัน5บาน ตัววิหารเป็นสไตล์โกธิค บนยอดที่สูงที่สุดถูกประดับด้วยรูปปั้นพระแม่มาเรียสูง4เมตร หุ้มด้วยทองคำ ซ้ำด้านบนวิหารนั้นยังมียอดแหลมๆตั้งขึ้นมาอีกมากมายด้วย และสถานที่สวยงาม แห่งนี้ยังตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองธุรกิจอิตาลีอย่างเมืองมิลานอีกด้วย
“ นี่ ริออนฉันอยากไปที่วิหารนั้น ” ลินลี่บอกริออน ในขณะที่สายตายังจับจ้องอยู่กับสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่นั้น
“ อ๋อ มหาวิหารประจำเมืองมิลาน ดูโอโม ( Duomo ) นะเหลอที่นั้นเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งเมืองเลยนะ แล้วยังเป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกันอีกน่ะ ฉันเคยขับรถผ่านมาแถวนี้ตอนช่วงเย็นๆด้วยนะ ขอบอกว่าสวยมากๆเลยล่ะลินลี่ชอบเหรอ?”
“ อืม ที่นี่สวยมากนะ แล้วข้างในวิหารนี้จะมีอะไรบ้างนะ” ลินลี่ยังไม่ยอมละสายตาจากวิหารนั้นอีกเช่นเคย จนริออนรู้ว่า เพื่อนคนนี้ของเขาท่าทางจะติดใจที่นี่แล้วล่ะสิ
“ ถ้าอย่างนั้น วันพรุ่งนี้ช่วงเย็นๆ เรามาที่นี่กันดีมั๊ยล่ะ ขอรับรองเลยว่าถ้าพวกเธอเห็นข้างในจะต้องทึ่งในความสวยงามมากๆเลยล่ะ” หนุ่มน้อยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ เอ่อ... แต่คือ...ฉันกลัวนะ มีอะไรแหลมๆ อยู่ข้างบนเยอะแยะไปหมดเลยอะ ขอบายดีกว่า ” นิกะที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ย
“ ถ้านิกะไม่ไป อยู่เป็นเพื่อนนิกะก็ได้ ” คารินบอก
“ แต่ถึงอย่างนั้น ริออนกับลินลี่ก็ไปกัน2คนก็ได้นี่พวกเรารออยู่ที่คฤหาสถ์ก็ได้ ” คารินพูดขึ้นพลางบอกไปที่ริออนกับลินลี่
“ อืม.. แล้วแต่ลินลี่สิ ว่าจะยังไง ” พูดจบริออนก็หันไปมองทางลินลี่
“ ฉันอยากไปที่ดูโอโมกับใครก็ได้...เย็นนี้ ” ปากก็พูดเช่นนั้น แต่ในใจอยากจะตะโกนว่า‘ฉันอยากไปกับแกโว้ย!!! ไอ้ริออน
“ หา? ตอนนี้ก็บ่ายแล้วนา ลินลี่ไม่ไปนอนพักผ่อนก่อนเหรอ เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆนา ” ริออนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง จนทำให้ใครบางคนคิดไปไกล
“ ไม่...ไม่ต้องหรอก ฉันอยากไปวิหารมากกว่า เรื่องนอนพักผ่อน ยังมีเวลานอนอีกมาก ”
“ ฮะ ฮา ฮ่า ก็ได้ๆ อยากไปก็ไป เดี๋ยวไปเก็บของที่คฤหาสน์ก่อนนะ แล้วเราค่อยไปกัน ” ริออนพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อมาถึงที่มหาวิหารดูโอโม ริออนรู้สึกว่าลอนลี่จะตื่นเต้นในการได้มาเที่ยวครั้งนี้เหลือเกิน ถึงแม้จะไม่แสดงทางวาจาหรือท่าทางว่าสนุกสนานมากนัก แต่สำหรับริออน ผู้เป็นเพื่อนของเขา กลับสัมผัสความรู้สึกนี้ได้ทางดวงตาของเขาที่แสดงออกมาอย่าปิดไม่มิด...แต่ทำไม...ริออน..กลับสัมผัสไม่ได้ถึงความรักเกินเพื่อนที่เพื่อนคนนี้มีให้ต่อตนเอง
...หรือว่า...ริออน...รับสัมผัสของลินลี่ไม่ได้...เพราะเขาจะรอรับแต่สัมผัสของใคร
...หรือว่า...ริออน...มองลินลี่ไม่ได้...เพราะในสายตาเขา...กำลังมองหาใคร
...หรือว่า...ริออน...ให้ลินลี่ไปอยู่ในความคิดไม่ได้...เพราะตลอดเวลา...เขากำลังคิดถึงใคร
“ นี่ ลินลี่เหนื่อยรึยัง มานั่งพักที่นี่ก่อนมั๊ย ฉันซื้อน้ำมาด้วย มาดื่มก่อนล่ะกัน มาเร็วๆ ” ริออนพูดพลางควักมือเรียกเพื่อนของตนที่ตอนนี้กำลังเพลิดเพลินอยู่กับภาพวาดอันสวยงามขนาดใหญ่ที่อยู่ในมหาวิหารดูโอโมแห่งนี้
“ อืม ฉันก็กำลังหิวน้ำอยู่พอดีซะด้วย ” พูดลินลี่ก็หันไปมองภาพวาดนั่นอีกครั้ง แล้วจึงเดินตรงไปหาริออน...แต่ทว่าระหว่างทางเดินมานั้น เขาได้เดินไปชนกับคนคนหนึ่ง ที่มีผมสีเงินยาว นัยน์ยาสีอควอมารีน ใช่แล้ว! เขาคือ คาน่า
“ เฮ้ย! เดินดีๆหน่อย อ้าว? นี่ลินลี่ใช่มั้ย มาทำไรที่นี่เนี่ย? ” คาน่าถามพร้อมทำใบหน้าสงสัย(?)
” เออ ฉันลินลี่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอฉันจะอยู่ที่ไหนมันก็เรื่องของฉัน ” ลินลี่ทำสีหน้าไม่พอใจนัก เพราะที่เดินชนกันคาน่า มีเขาที่เซอยู่คนเดียวอะดิ๊!
“ เป็นอะไรรึเปล่า ลินลี่ อ๊ะ อ้าว คาน่าเธอก็มาด้วยเหลอนี่ ดีใจจังนะที่เจอเธอที่นี่ ” ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาหาเพื่อน เมื่อเห็นคาน่าก็รีบทักทายทันทีด้วยสีหน้ายิ้มแย้วอย่างดีใจ
“ ฉันมาทำงานแถวนี้น่ะ ก็เลยมาเดินเล่นที่นี่ แล้วนายละล่ะ พาลินลี่มาที่ยวงั้นเหรอ แหม! ความสัมพันธ์ก้าวไกลแล้วสินะ ฮะฮ่า ” คาน่าได้ทีแซวริออนอย่างสนุกสนาน โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นจริงจังมาก
“ เปล่านะ คาน่า เธอเข้าใจผิดแล้ว ลินลี่อยากมาที่นี่ ฉันก็แค่พามาเท่านั้นเอง เผอิญว่าพวกคารินไม่อยากมากัน ก็เลยมาแค่ 2 คนน่ะ ” หลังริออนพูดจบลินลี่ก็เดินไปที่อื่นทันที ริออนได้แต่ชายตามองเล็กน้อย แล้วหันไปคุยกับคาน่าต่อ
“ แล้ว...เอ่อ..ความสัมพันธ์ระหว่าเธอกับคริสล่ะ เป็นยังไงบ้าง ” ริออนพูดด้วยน้ำเสียงเจือเศร้า
“ ก็ดี...ไอ้คริสก็ยังเจ้าอารมณ์เหมือนเดิมอะนะ ฮะฮ่ะฮ่า ” คาน่าพูดพลางหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้าของตน เช่นกันยามพูดถึงชายที่ตนแอบรัก แต่กริยาเพียงแค่นี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ริออนต้องเจ็บปวดหัวใจ
“ คาน่า...ฉัน...ยังยืนยันคำเดิมนะ...ว่าฉันยังรักเธออยู่...ถ้าเธอทนคริสไม่ไหวล่ะก็ ปรึกษาฉันได้เสมอนะคาน่า หรือไม่เธอก็มาอยู่กับฉันเลยก็ได้ไม่ต้องไปทนมันหลอกคนเจ้าอารมอย่างนั้นนะ ” ริออนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง จนคนตรงหน้านิ่งไป
“ ทำไมฉันจะทนมันไม่ได้ อยู่กันมาตั้งนาน ถ้าทนไม่ได้ฉันก็คงลาออกจากมหาลัยไปนานแล้วล่ะ แล้วอีกอย่างฉันก็อยู่กับมันมานานจนชินแล้วหละ ” คาน่าพูดอย่างจริงจังเหมือนกัน ในใจก็นึกสงสารริออนอยู่ด้วยที่มาชอบเขาแล้วเจ็บปวด สงสารที่ริออนที่รักเขาอย่าบ้าคลั่งขนาดนี้ ต่างกับตัวเขาเองที่รักชิลลี่มาก แต่ความรักของเขาก็ไม่ได้ต้องการความรักจากชิลลี่เป็นสิ่งตอบแทน และไม่ได้ทุกข์ทรมานอย่างริออนด้วย เป็นแค่การแอบรักไปวันๆเท่านั้น
“ นี่ ริออนฉันคิดว่า...แกควรจะตัดใจจากฉัน แล้วหันไปมองคนที่รักแกบ้างนะ บางที...แกอาจจะมีความสุขก็ได้ ยังไงก็ดีกว่าแกเจ็บซ้ำๆอยู่อย่างนี้อ่ะนะ ” คำพูดนี้ที่ออกจากปากคาน่าทำให้ริออนยิ่งงงเข้าไปใหญ่
“ หือ? คาน่าที่เมื่อกี้เธอพูดว่า ให้ฉันหันไปมองคนที่รักฉันบ้าง มันหมายความว่าอะไร? แล้วคนที่รักฉันคือใครกัน? ” ริออนถามคาน่าด้วยน้ำเสียงไม่น่าเชื่อ
“ เฮ้ย!! ไอ้ริออน นี่แกโง่จริงๆหรือแกล้งโง่กันแน่ คนใกล้ตัวแกแท้ๆ ปกติแค่มองตาก็รู้แล้ว แต่นี่แกยังไม่รู่อีกเรอะ!!! ซื่อบื้อจริงๆ “ คาน่ามองหน้าเพื่อนรักด้วยอารมณ์หงุดหงิด ‘สรุปว่ามันงี่เง่าสมชื่อจริงๆ ให้ตายเหอะ!’
ในขณะที่ริออนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อารมณ์ของคาน่าก็เดือดขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะเขาต้องรีบกลับไปบอกให้ชิลลี่ทราบด้วยสิ ไม่มีเวลารอจนมันคิดออกหรอก!!! จนในที่สุด ก็ทนไม่ไหว...
“ โว้ย!!!! แกนี่มันโง่จริงๆนะโว้ย ไอ้ริออนบ้า ก็คนที่แกรักก็คือคนที่แกพามาเที่ยวที่นี่ด้วยน่ะสิ ” คาน่าพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญเต็มที่ แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ริออนยืนคิดสิ่งที่คาน่าพูดอยู่เมื่อครู่...
คนที่ฉันพามาเที่ยวด้วยเหรอ?...ก็คือลินลี่นี่
ลินลี่...เป็นลินลี่จริงๆเหรอ...
ลินลี่รักฉันเหรอ?...จริงเหรอ?
งั้นเหรอ...งั้นเหรอ...
“ ฮะ ฮ่ะ ฮา จริงๆเหรอนี่ จริงๆงั้นเหรอ ฮะ ฮ่ะ ฮา...ฮะ..หึ...หึหึหึ ” อยู่ๆริออนก็หัวเราะออกมา ในใจพลางคิดว่า ‘สนุกแล้วสิ ฉันคงได้สนุกบ้างแล้วสิ หึ ขอบคุณนะ ลินลี่’
ณ คฤหาสน์ของริออน.....
“ ลินลี่ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอหน่อย ให้ฉันเข้าไปนะ ” ริออนยืนพูดอยู่หน้าประตูห้องของลินลี่ พร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพียงครู่เดียว ประตูห้องก็เปิดขึ้นพร้อมกับใบหน้าโกรธกริ้วของลินลี่ “ นายมีธุระอะไรกับฉันดึกๆดื่นๆ แบบนี้ ”
“ ฉันมีธุระสำคัญจะมาคุยกับลินลี่น่ะคงต้องคุยกันนานหน่อย ขอฉันเข้าไปข้างในนะ ” ริออนพูดพลางยิ้มหน้าบาน จนคนตรงหน้าต้องใจอ่อน
“ ก็ได้ เข้ามาก็ได้ รีบคุย แล้วก็รีบไปล่ะ ” พูดจบลินลี่ก็เดินนำริออนเข้ามาในห้องของตัวเอง ฝ่ายริออนที่เดินตามมานั้นก็ทำใบหน้ากรุ้มกริ่ม ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ เอาล่ะ แกมีอะไรก็ว่ามา ฉันจะได้นอนซะที
“ ไม่ต้องกลัวน่าลินลี่ เธอได้นอนแน่ๆ ”
“ หือ? แกพูดอะไรของแก ไอ้ริออน ” ลินลี่เริ่มอารมณ์เสียเล็กน้อย
“ ฮะ ฮ่ะ ฮา ไม่มีอะไรหรอกน่า คือ...ฉันอยากจะถามอะไรลินลี่หน่อยน่ะ ”
“ หือ? แกมีอะไร ” ลินลี่เลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ นี่...ฉันถามตรงๆนะ...ลินลี่ เธอชอบฉันเหรอ ”
“ ตอบฉันมาสิ ลินลี่ ” ริออนยังคงถามลินลี่ต่อไป
“...เอ่อ..”
“ หึ เธอชอบฉันจริงๆสินะ ” พริบตาเดียว ใบหน้าที่เคยไร้ความเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายก็กลับกลายมาเป็นใบหน้าแสนเย็นชาแทน “ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้ดีมั๊ยล่ะ? ที่รัก... ” พูดจบริออนก็กอดลินลี่แน่นแล้วจูบลินลี่ไว้เนิดนานบัดนี้ ลินลี่เอง...ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเองกระทำเลยแม้แต่น้อย...ได้แต่ปล่อยให้ค่ำคืนดำเนินไปอย่างที่มันจะเป็น แต่ยังรู้สึกอยู่ถึงความเจ็บใจกับสิ่งที่ผู้ชายคนนี้กระทำกับตน...ทั้งที่ไม่ได้รักไม่ใช่หรือไง...แล้วทำไมกัน...ถึงต้องทำแบบนี้...
ริออน...ทำไมถึงต้องทำแบบนี้กับฉัน
ในเมื่อ...แกไม่เคยรักฉัน
ในเมื่อ...แกไม่เคยเป็นห่วงฉัน
ในเมื่อ...แกไม่เคยมีฉันอยู่ในสายตา
และในเมื่อ...ในสายตาของแกมีแค่คาน่าคนเดียว
แล้วทำไมล่ะ…ทำไมแกต้องทำให้ฉันลืมสัมผัสนี้ของแกไม่ลงด้วย
ทำไม...แกต้องให้ฉันเจ็บปวดแบบนี้ด้วย
แล้วทำไม...แกถึงทำให้ฉันคิดเลยเถิดไปไกล...ว่าแกก็รักฉัน...
“ ลินลี่ ระหว่างที่อยู่อิตาลีนี้ เธอก็ยังต้องเจอกับฉันทั้งวันอยู่ดีล่ะนะ ...แล้วฉันจะคอยดูล่ะกัน ว่าเธอจะเป็นตัวแทนของ คาน่าได้ดีขนาดไหน หึหึหึ ” พูดจบริออนก็เดินจากห้องไปพร้อมกับความสะใจ โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดเมื่อกี้ของตน ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยิน...
“ ฮึก ฮึ ทำไม...ทำไมกัน...แกเห็นฉันเป็นแค่ตัวแทนของคาน่านั่นแค่นั้นเองเลอะ ฮึ ฮึ ” ลินลี่พูดหลังจากริออนเดินออกไปจากห้อง
ฉันเข้าใจแล้ว ริออน
เข้าใจ...เหตุผลที่แกกอดฉันเมื่อคืนแล้ว
เข้าใจ...ความรู้สึกที่แกมีกับฉันแล้ว
เข้าใจ...ว่ายังไงแก...ก็ไม่มีวันรักฉัน...
แต่ยังไงก็...ขอบคุณนะ...ที่อย่างน้อย...ฉันก็ยังมีคุณค่าสำหรับแกบ้าง...ถึงแม้จะ
เป็นแค่ตัวแทนของคนที่แกรักก็เถอะ...ขอบคุณ
ณ ห้องอาหาร.....
“ เอ๋!? ลินลี่เป็นอะไรไป ท่าทางแปลกๆนา ไปพักผ่อนก่อนมั๊ย เรื่องไปเวนิชเดี๋ยวพวกเราค่อยไปวันพรุ่งนี้ก็ได้ เน๊อะ!โรส พีช รัน คาริน ” สาวน้อยเอ่ยถามเพื่อนๆขณะนั่งรับประทานอาหารอยู่บนโต๊ะอาหารที่ไม่มีริออนนั่งอยู่ด้วย เนื่องจากริออนขอตัวไปเคลียร์งานแต่เช้า เพื่อที่วันนี้จะได้ว่างพาเพื่อนๆไปเที่ยวทั้งวัน
“ ได้!! ว่ายังไงว่าตามกัน ” พีชพูดเสริม
“ ฉันว่า...แล้วแต่ลินลี่ดีกว่า ให้เจ้าตัวเขาตัดสินใจดีกว่า ” เมื่อคารินพูดจบทุกคนก็หันไปหาคำตอบกับลินลี่ที่นั่งเหม่อลอยอยู่ในทันที
“ ลินลี่ ” นิกะพยายามเรียกเตือนลินลี่
“ หือ? ” ลินลี่ที่เพิ่งได้สติกลับมาก็ตอบอย่างงงๆ
“ คือ...ฉันจะถามลินลี่ว่า จะไปเวนิชกับพวกเราเลยมั๊ย หรือว่าจะไปพรุ่งนี้ ”
“ ไปวันนี้แหละ ฉันไม่ได้เรื่องมากซะหน่อย ”
“ (เอ่อ เหรอ? ไม่ได้เรื่องมากเล๊ย) ” ทุกคนได้แต่งคิดในใจ เพราะถ้าพูดออกไปมีหวังโดนยำเละแน่ๆ
“ ถ้าอย่างนั้น เราก็ไปเตรียมตัวกันเถอะ ” โรสพูดแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัว
“ เอาล่ะลินลี่ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยนะ ” เมื่อทุกคนเดินคล้อยหลังไป คารินก็เปิดฉากคุยกับลินลี่ทันที
“ มีอะไร? ” ลินลี่บอก
“ ฉันอยากจะแนะนำอะไรเธอสักหน่อยนะ ฉันรู้นะ ว่าเธอน่ะชอบริออน ”
“ O_O ” ลินลี่สะดุ้งนิดหนึ่ง แล้วมองคารินที่กำลังยิ้มอยู่อย่างเต็มตา
“ ฉันมีแผนจะช่วยเธอนะ ”
“ แผนอะไรของเธอ ฉันไม่ต้องการ ” ลินลี่พูดจบก็เดินออกจากที่นั่นทันที
“ ก็แผนสลับคู่ชวนสยิวน่ะสิ ” คำพูดของคารินคำนี้ทำให้ลินลี่หยุดเดินทันที ไม่ใช่เพราะสนใจ แต่เป็นเพราะมันเป็นชื่อแผนที่อุบาทมากต่างหากเล่า!!!
“ นี่ชื่อแผนเธอเรอะ! คาริน ” ลินลี่ถามด้วยน้ำเสียงอันดัง
“ น่าสนใจใช้มั๊ยละลินลี่ ”
“ บ้าเรอะ! แผนแบบนี้น่ะเรอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก ”
“ หึหึ ฉันนึกแล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้ แต่เอาเถอะ ถ้าเธออยากรู้เมื่อไร่ล่ะก็แอบกระซิบบอกฉันได้นะ ”
“ เหอะ! ” พูดจบลินลี่ก็เดินออกจากที่นั่นโดยทันที ทิ้งให้คารินนั่งถอนหายใจอยู่คนเดียว พลางคิดว่า ‘เฮ้อ! เธอนี่ดื้อด้านจริงๆนะลินลี่ อันที่จริงฉันก็ไม่ได้อยากยุ้งซักเท่าไร่หรอกนะ’
“ คาริน คาริน คาริน ” นิกะเรียกคารินให้รู้สึกตัว
“ ห๊ะ !!! มีอะไร ”
“ จะไปกันแล้ว เป็นอะไรเนี้ยนั่งเห่มอยิ้มอยู่คนเดียว ”
“ ช่างเหอะไม่มีอะไรน่าสนใจหลอก ”
“ ก็อยากรู้อะ น้าๆๆๆ ”
“ เออๆ บอกก็บอก ”
“ ห๊า!!! จริงเหรอเนี่ย น่าสงสารลินลี่จังเลยนะ ” นิกะพูดด้วยน้ำเสียงสงสารเต็มที่
“ ก็เรื่องหัวใจมันห้ามกันไม่ได้นี่ ” คารินพูดปลอบเพื่อนรักของตนไป
“ เอาอย่างนี้มั๊ย คาริน เราก็ช่วยให้เขาสมหวังกันสิ ” นิกะยังคงขยันขะยอมุคุโร่เรื่อยๆ
“ นี่ นิกะ เรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ ฉันคงต้องเหนื่อยน่าดูเลยล่ะ ” คารินพูดด้วยใบหน้าเปื้อนความเจ้าเล่ห์
“ แต่ว่า...ฉันอยากช่วยพวกเขานี่ คารินต้องช่วยให้ได้นะ ”
“ ก็ได้ ก็ได้ ”
ณ เวนิช.....
สองร่างนั่งเคียงคู่อยู่ในเรือกอนโดล่าลอดใต้สะพานรีอัลโต้ ฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่องลงมา บรรยากาศแบบนี้สำหรับคู่รักแล้วเหมาะสำหรับการจุมพิตกันมากที่สุด แต่สำหรับพวกเขาล่ะ ลินลี่กับริออน เขาทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อย่างไรกันล่ะคนรู้จัก? เพื่อนรัก? คนรัก? หรือว่าเป็นแค่ตัวแทนเท่านั้น?...
“ นี่ ลินลี่ไหนๆตอนนี้เธอก็ปิดเทอมแล้วนี่ เธอก็มาอยู่ที่นี่จนกว่าจะเปิดเทอมซะเลยสิ ”ริออนเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดทำลายความเงียบบนเรือกอนโดล่านี้
“ ฉันจะไม่อยู่ที่นี่ ฉันจะกลับญี่ปุ่น ” ลินลี่พูดพลางมองตึกรามบ้านช่องข้างแม่น้ำไป ทำเป็นไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ริออนพูดมากนัก
“ ลินลี่ นี่เป็นคำสั่งนะ ไม่ใช่คำชักชวนหรือขอร้องอะไร ” ริออนพูดเสียงแข็ง
“ แก...ไอ้...ไอ้ริออนบ้า ” ลินลี่ได้แต่เพียงสบถเบาๆ แล้วชายตาไปมองริออนด้วยความเจ็บใจ
สรุปว่าเขาต้องอยู่ที่นี่กับมัน เพื่อเป็นแค่ตัวแทนของคาน่าแค่นั้นเหรอ?ฝ่ายริออนก็รู้สึกสะใจมิใช่น้อยที่แกล้งคนตรงหน้านี้ได้ จึงยิ้มเล็กๆแล้วหันไปชมสถาปัตยกรรมบ้านเรือนของอิตาลีต่อ...แต่สายตาพลันไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่กระทบจิตใจเขาเข้าอย่างจัง นั่นก็คือ...ภาพของคาน่าที่กำลังเดินเล่นอยู่กันคริสที่ข้างสะพานนั้น และนั่นเองเป็นผลให้เขาต้องบอกให้กอนโดเลียจอดเรือตรงที่นั้นทันที แล้วลงจากเรืออย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้สนใจจะเหลียวมองลินลี่เลยแม้แต่น้อย
“ ไง คาน่า คริสมาพักผ่อนที่นี่เหมือนกันเหรอ? ” ริออนที่เพิ่งลงจากเรือมาหมาดๆเอ่ยถามบุคคลตรงหน้าทั้งสองคน
“ ถ้าฉันไม่ได้มาพักผ่อน แล้วจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงหา ไอ้ริออน ” คริสพูดด้วยความไม่พอใจ
“ นี่ คริสอย่าเพิ่งโกรธไปน่า ใจเย็นๆไว้ คืออย่างนี้นะริออน มีคนรู้จักเขาแนะนำมาน่ะว่าที่เวนิชสวยมาก เหมาะแก่การผ่อนคลายจากการทำงานหนัก แล้วฉันก็เห็นว่าช่วงนี้ปิดเทอม ก็เลยพา คริสมาผ่อนคลายบ้างน่ะ อยู่แต่ในห้อง เดี๋ยวได้เฉาตายกันพอดี ” คาน่าพยายามอธิบายให้ริออนฟัง
“ อืมๆ ”
“ แล้วนี่ทำไมพวกลินลี่ถึงได้ไม่มาด้วยล่ะ ” คาน่าถามด้วยความแปลกใจ เพราะเขาเห็นแต่ริออนเท่านั้น
“ พวกนั้นก็มาด้วยนะ คงเดินอยู่แถวนี้แหละ แต่พวกนายไม่เห็นกันเองน่ะ ”
“ หืม? นี่พวกนั่นก็มาด้วยเรอะ คาน่า ทำไมถึงไม่บอกฉัน ” คริสเริ่มคาดโทษคาน่า
“ ก็ฉันเห็นว่ามันไม่ได้สำคัญนี่ เพราะว่าพวกนั้นแค่มาเที่ยวกันเฉยๆเอง ” คาน่าเริ่มโต้ตอบบ้าง
“ จะสำคัญหรือไม่ ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง เธอแค่มีหน้าที่บอกความเคลื่อนไหวของพวกนั้นให้ฉันเท่านั้น! ” พูดจบคริสก็เดินออกไป คาน่าก็ได้แต่ทำน่าหงอยๆ
ริออนเองก็ทนไม่ไหวเช่นกันที่เห็นคนที่ตนรักทำสีหน้าเศร้าถึงขนาดนั้น จึงดึงคาน่ามากอดเพื่อปลอบ แต่ทว่าทั้งคนที่โดนกอดและคนที่ยืนเหมือนไร้ตัวตนแต่ก่อนนั้นกลับรู้สึกตกใจอย่างแรง และในที่สุดลินลี่ก็ทนดูต่อไปไม่ได้ เขาเดินหนีออกไปทันที
“ นี่แกปล่อยให้ฉันฟังแกพล่ามนั้นยังไม่พออีกเรอะ ยังจะมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าฉันอีก แก...แกมันเลวที่สุด! ” ลินลี่ที่เดินมาเห็นก็เดินน้ำตาคลอเบ้าไป
เมื่อคาน่าเห็นท่าจะไม่ดีซะแล้วก็พยายามจะผลักอกริออนออกไป แต่ทว่าแรงของเขามีน้อยกว่าจึงไม่ทำให้ริออนขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“ เฮ้ย!! ไอ้ริออน แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ เห็นมั๊ยลินลี่เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วนะโว้ย!! ” ถึงคาน่าจะพูดอย่างนี้ แต่กลับไม่ทำให้ริออนปล่อยเขาเลย กลับกันริออนกลับกอดแน่นขึ้นไปอีก
“ ใครจะคิดอะไรก็ช่างเขาเถอะน่า ฉันไม่ได้แคร์ซักหน่อย ”
“ ถึงแกจะไม่แคร์ แต่ว่าฉัน... ” ยังไม่ทันที่คาน่าจะพูดจบ สายตาเขาก็เหลือบไปเห็นคนคนหนึ่งเดินมาพอดี
“ คริส.. ”
“ หน้าที่ของเธอคือติดตามฉัน ไม่ใช่มาพลอดรักกับคนอื่น คาน่า หึ! แต่โชคดีที่วันนี้ฉันอารมณ์ดี ดังนั้น ฉันจะให้เธอพลอดรักกับเจ้านี่ถึงตอนไหนก็ได้ เสร็จแล้วค่อยมาหาฉันแล้วกัน ” คริสพูดอย่างเยียดๆ แล้วก็เดินกลับไปอีกรอบ
“ เฮ้ย! ไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะ!! ” คาน่าพยายามดิ้นจากอ้อมกอด จนในที่สุดริออนก็ยอมปล่อย
“ คาน่าปล่อยคริสไปเถอะน่า เราไปเดินเล่นกันดีกว่าเน๊อะ ” ริออนจูงมือคาน่าเพื่อที่จะไปเดินเล่นกัน แต่ว่าคาน่ากับไม่ขยับเขยื้อนเลยซักนิด ซ้ำยังก้มหน้าอีก
“ เอ่อ คาน่า ฉัน...ฉันขอโทษนะ เธอ...เธอกลับไปหาชิลลี่เถอะ ” ในที่สุดริออนก็ยอมปล่อยคาน่าเพราะรู้ว่าถึงเขาจะชวนคาน่าเดินเล่นนั้น ก็ไม่ได้ช่วยให้คาน่ามีความสุขขึ้นมาเหมือนกับตอนที่อยู่กับคริสเลย…
“ เธอ...เป็นอะไรมากมั๊ยคา... ” ไม่ทันที่ริออนจะพูดจบ คาน่าก็ตบหัวริออนทันที (ผว๊ะ!!)
“ ฮ่า ฮ่า ฮา ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า แกนี่ขวัญอ่อนไปได้ แค่ฉันก้มหน้าทำเหมือนเศร้านิดหน่อย แกก็คิดมากไปได้ แค่ฉันโดนไอ้คริสว่านิดหน่อย มันไม่ทำให้ฉันเศร้าได้หรอกน่า ” คาน่าเงยหน้าขึ้นมาพูดกับริออนตามปกติ พร้อมกับหัวเราะไปด้วย แต่ถึงจะทำอย่างนั้น...ก็ปกปิดม่านน้ำตาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้
“ … ” ส่วนริออนก็ได้แต่ก้มหน้าเงียบ
“ ถ้างั้น...ฉันขอตัวก่อนนะ ” ว่าแล้วคาน่าก็เดินจากไป...
ลินลี่เดินหนีออกมาจากภาพที่ปวดร้าวจิตใจนั้นมาที่จัตุรัสซานมาร์โก้ (San Marco) เขาหวังเพียงว่า ที่แห่งนี้คงสวยงามพอที่จะทำให้เขาลืมเรื่องราวมันเจ็บปวดเมื่อครู่ได้ และคงทำให้เขาสบายใจขึ้น... แต่ ลินลี่ก็เดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็ชนกับใครบางคนเข้าอย่างจัง!!!
“ เฮ้ย หัดมองทางบ้างสิ!! ” คนถูกชนหันมาด่าด้วยความโกรธ
“ ... ” ลินลี่ได้แต่มองหน้าคนตรงหน้าอย่างเขม่นๆ
“ เฮอะ!! แกเองหรอกเรอะ ลินลี่ ตาไม่มีให้มองรึไง ถึงมาเดินชนคนอื่นได้ ”
“ เมื่อกี้แกบอกใครว่า ‘ตาไม่มี’ กัน!? ” ลินลี่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
“ นี่แกโง่ขนาดไม่รู้เลยเรอะว่าฉันด่าแกน่ะ!! ”
“ ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!! ” ลินลี่พูดพร้อมกับสายตาอาฆาต
“ หึ! ถ้าแกคิดว่าแกทำได้ก็ลองดูสิเป็นผู้หญิงแล้วไม่เจียม!! ” คริสพูดด้วยน้ำเสียงกวนโทสะ
“ หึ! ” ลินลี่พูดพร้อมชักปืนยิงใส่คริส หากแต่ว่าคริสนั้นก็หลบได้ทัน
“ หึหึ! แกไม่มีปัญญาทำอะไรฉันหรอก ” คริสพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม แล้วชักปืนออกมาเช่นกัน….หากแต่ยังไม่ได้ยิง กลับมีเสียงห้ามปรามการต่อสู้นี้ซะก่อน
“ หว๋า!! อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ ใจเย็นๆก่อนสิ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันเถอะ ” นิกะเอ่ยขึ้น พร้อมกับเข้าไปยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสองคนที่จะทะเลาะกันเมื่อครู่
“ แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน!! ” ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ทำให้คนที่ถูกกล่าวถึงสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว
“ หึหึหึ เอาเป็นว่าใจเย็นกันก่อนจะดีที่สุดนะ แล้วเราค่อยคุยกัน ” คารินเดินมาพร้อมกับโอบคอนิกะ
“ ใครอยากคุยกับแกกัน! ” ทั้งสองยังคงพูดพร้อมกันอีก
“ แหมๆ เธอสองคนเนี่ย จิตใจตรงกันเหลือเกินนะ ” คำพูดนี้ของคารินเรียกเอาอารมณ์โกรธของทั้งสองคนนี้พุ่งขึ้นอีก
“ เฮอะ!! แล้วตกลงเธอมีเรื่องอะไร!? ” ลินลี่ถามไปแบบปัดรำคาญ
“ ฉันคิดว่า...เราคงต้องหาที่คุยที่เหมาะสมและสบายกว่านี้นะ ” คารินเชิญทั้งคู้เดินไปยังด้านนอกที่มีโต๊ะม้านั่งอยู่ชุดหนึ่ง
“ นี่!!! ทำไมถึงพูดตรงนี้ไม่ได้ล่ะ!! ” คริสที่เริ่มคลายอารมณ์โกรธลงแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นบ้าง
“ หึหึ ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมากและมีประโยชน์มากกับเธอทั้งสองคนไงล่ะ ดังนั้นจึงต้องคุณกันยาวไงล่ะ ” คารินพูดพร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ ? ” ทั้งคริสและลินลี่หันหน้ามามองกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งสองยักไหล่เป็นเชิงยอมๆว่า‘ไปก็ไปว่ะ!’ แล้วทั้งสองก็เดินนำออกไปยังโต๊ะม้าตัวดังกล่าวเมื่อทั้งสองเดินออกไปได้ระยะแล้ว คารินก็หันมาพูดกับนิกะ
“ นิกะ นี้ฉันกำลังทำตามที่เธอขอไว้อยู่นะ ” เมื่อนิกะได้ฟังดังนั้นแล้ว ก็ยิ้มบางๆ แล้วเดินตามไป
เวลาผ่านไปประมาน 30 นาที ริออนและคารินก็เดินมาพอดี...
“ นี่ คริส ลองกินอันนี้สิ ” ลินลี่ว่าพลางตักอาหารชนิดหนึ่งให้คริสกิน ซึ่งคริสเองก็ยอมอ้าปากรับอาหารคำนั้นด้วยเช่นกัน มองดูแล้วเหมือนคู่รักที่กำลังเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามัน ถ้าเป็นคนอื่นมองคนมองว่า ‘น่ารักจริงๆคู่นี้’ แต่สำหรับคนอย่างคาน่าและริออนแล้ว พวกเขากลับมองคู่นี้อย่างประหลาดๆ และมองด้วยแววตาไม่น่าเชื่อ
“ เฮ้ย!! คริส แกญาติดีกับลินลี่นี่ตั้งแต่เมื่อไรว่ะ ” คาน่าที่อดทนไม่ไหวกับภาพตรงหน้าเอ่ยถามขึ้น
“ ฉันจำเป็นต้องรายงานให้เธอรู้ด้วยเรอะ! ” คริสพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วหันไปกินข้าวต่อ
“ ก็...ฉันก็แค่สงสัยน่ะ เห็นปกติแกไม่เคยจะเป็นแบบนี้เลยนี่นา ” คาน่าพูดด้วยน้ำเสียงเบาเรื่อยๆ
“ ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน เธอไม่ต้องมายุ่ง รู้ไว้แค่ว่าตอนนี้ฉันกำลังสนุกมากๆเลยล่ะ” คริสกระตุกยิ้มนิดนึง
“ อึ่ก! ”
“ เอาล่ะ ฉันของประกาศไว้ ณ ตรงนี้เลยนะ ว่าในระหว่างปิดเทอมที่ญี่ปุ่นนี้ ลินลี่จะมาอยู่ที่คฤหาสน์กับฉัน ” คริสพูดด้วยน้ำเสียงอันดัง
“ หา!!! ” คนแทบทั้งโต๊ะต่างอุทานด้วยความตกใจ ไม่นึกไม่ฝันเลยว่า คนอย่างคริสนี่ยนะจะ...
“ เฮ้ยคริส!! แกเอาจริงเหรอ! ” คาน่าพยายามถามคริสเพื่อให้แน่ใจในสิ่งที่เขาได้ยิน
“ ฉันจะพูดเล่นทำไม ” คริสกอดอกถามคาน่า
“ บ้าน่า!! ลินลี่เนี่ยนะจะไปอยู่กับคริสไม่ได้หรอก ” ริออนก็ไม่ยอมเช่นกัน
“ ได้สิ มันเป็นสิทธิ์ของฉันไม่ใช่เรอะ ฉันจะไปอยู่กับใครมันก็เรื่องของฉัน ” ลินลี่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“ ฮึ่ย! ” ริออนทำท่าหงุดหงิดเล็กน้อย
“ หึ! หรือว่าไม่จริงล่ะ มันเป็นสิทธิ์ของฉัน ไม่มีใครสามารถบังคับฉันได้ ” ลินลี่พูดด้วยน้ำเสียงสะใจ
“ อึ่ก! นี่นิกะ เธอไม่คิดจะพูดอะไรเลยเหรอ!? ” ริออนหันไปขอความช่วยเหลือจากนิกะอีกแรง ทำให้นิกะที่กำลังเล่าความจริงของเรื่องนี้อยู่กับโรส พีช รัน ต้องสะดุ้งเฮือก!
“ เอ่อ...ก็มันเป็นสิทธิ์ของลินลี่เค้า ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะยุ่งหรอก ” นิกะได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ ฉันก็คิดเหมือนนิกะ ” โรส บอกเช่นเดียวกัน
“ ใช่ๆ พวกเธอว่ายังไง ก็ว่าอย่างนั้นล่ะนะ ” พีช รัน เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ ฉันก็โอเคนะ คู่รักจะให้อยู่ด้วยกันมันก็ไม่แปลกหรอก ” คารินพูดพลางยิ้มไปด้วย
“ หา!!! ” คาน่ากับริออนอุทานขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
“ คริสมีคนรักแล้วเหรอ? ” คาน่าเอ่ยถามคริสด้วยแววตาสับสนสุดๆ
“ ลินลี่เป็นคนรักขอคริสเหรอ? ” ริออนถามด้วยท่าทีตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
“ ถ้าใช่แล้วจะมีปัญหาอะไรเรอะ!! ” คริสพูดด้วยอารมณ์โกรธนิดๆ
“ ก็ไม่...ไม่มีหรอก...ถ้านายมีคนรักแล้วไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันซักหน่อยนี่ ” พูดจบคาน่าก็เดินออกไป โดยมีริออนเดินตามไปด้วย
“ หึ!! ลินลี่เธอคิดจะทำอะไรฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าเธอทำอะไรให้คาน่าเสียใจล่ะก็เธอไม่มีทางอยู่อย่างเป็นสุขได้หรอก!! ” ริออนคิดในใจอย่างเกรี้ยวกราด
“ คาน่านี่อ่อนแอจังเลยนะ แกล้งแค่นิดๆหน่อยๆก็เดินหนี ยังกับพวกอกหักเลย ” คริส กอดอกพูดอย่างสบายใจ ใจจริงเขา ก็ไม่ได้อยากทำร้ายคาน่านักหรอกนะ แค่อยากแกล้งเท่านั้นเอง....
“ เฮ้!! คาน่าอย่าเดินเร็วนักซี่ เดี๋ยวก็ล้มไปหรอก ” ริออนพยายามบอกคาน่าที่กำลังวิ่งร้องไห้นำไปอยู่นั้น
“ ฉันอยากอยู่คนเดียว อย่าตามมานะ ” คาน่าก็ยังคงวิ่งไม่หยุด
“ คาน่าเธอมีอะไรก็ปรึกษาฉันได้นะ ฉันยินดีรับฟังเสมอเลย แต่ตอนนี้เธอหยุดวิ่งแล้วหันหน้ามาคุยกับฉันดีๆเถอะ ” ริออนก็ยังคงตามไม่หยุดเหมือนกัน
“ แกจะตามมาทำไม!!! ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันอยากอยู่คนเดียว ” คาน่าที่อดทนกับการตื้อของริออนไม่ไหวก็หยุดวิ่งแล้วหันหน้ามาพูดกับริออน
“ แฮ่กๆ ในที่สุดเธอก็หยุดวิ่งได้สักทีนะ ” ริออนที่เหนื่อยหอบเต็มที่เดินมาพูดกับคาน่าพลางจับไหล่คาน่าไว้
“ ... ” แต่คาน่าก็ได้แค่เสมองไปทางอื่น
“ เธอไม่เป็นไรแน่นะ คาน่า ” คำพูดที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยนี้ เรียกน้ำตาของคาน่าให้มากขึ้นไปอีก
“ ฮึก ฮึ่ก ฮือ...” คาน่าในตอนนี้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว จนริออนต้องดึงคาน่ามากอด
“ ไม่เป็นไรนะ คาน่าฉันอยู่ตรงนี้แล้ว มีอะไรอยากพูดก็พูดมาเถอะ ขอแค่เธอได้ระบายออกมา ” ริออนพยายามอย่างถึงที่สุดในการปลอบคาน่า
“ฮึก ฮึ่ก ฮือ... ริออนฉันมันอ่อนแอมากใช่ไหม คริสถึง ฮึก! ไม่มองฉันเลย แล้วยัง...ลินลี่อีก ฮึ่ก! ฉันไม่คู่ควรกับเขาใช่ไหม!! เขาถึงไม่เคยสนใจ ไม่เคยหันมามองฉันเลย ” คาน่าพูดพลางซบอกริออนไว้ เพื่อซ่อนน้ำตา
“ ไม่หรอก คาน่า คริสก็แค่หลงผิดไปเท่านั้น เขาคงไม่ได้รักลินลี่จริงๆหรอก ” ริออน ลูบหัวคาน่า
“ แต่...คริสก็บอกเองนี่ ว่ารักลินลี่น่ะ ” คาน่าพยายามกลั้นน้ำตาไว้
“ คริสไม่ได้บอกซักหน่อยน่า อย่าเข้าใจผิดไปซี่ คริสคงเห็นลินลี่เป็นแค่ของเล่นแก้เหงาเท่านั้นเองล่ะมั๊ง ” ริออนยังคงปลอบคาน่าต่อไป จนคนตรงหน้าเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว
“ อืม... ” คาน่าหลับตาเพื่อเรียกสติของตนเองกลับมา
“ ... ” ส่วนริออนก็ได้แค่มองคาน่าอย่างทุกข์ใจที่ตัวเขาเองก็ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
“ อืม...จะยังไงก็ช่างเถอะนะ ฉันขอเป็นฝ่ายได้รักคริส...มันก็ดีแล้วล่ะ ” คาน่ายิ้มน้อยๆแล้วพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็เดินออกไป ทิ้งให้ริออนนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว
จนเย็น.....
“ ทุกคน ฉันว่านี่เราเที่ยวกันมาทั่งวันแล้วนะ กลับกันดีกว่าเน๊อะ! ” พีชพูดอย่างมีความสุขหลังจากเที่ยวจนเต็มอิ่มกับนครเวนิชแห่งนี้แล้ว
“ ก็ดี ฉันเห็นด้วย กลับกันเถอะ! ฉันเบื่อแล้วล่ะ ” ลินลี่ที่กำลังเกาะแขนคริสอยู่พูดอย่างเบื่อหน่าย
“ งั้นตกลงตามนั้นนะ ดีมั๊ย? ริออน ” รันหันหน้าไปถามริออนที่กำลังยืนมองลินลี่และคริสด้วยแววตาที่นิกะอ่านไม่ออก
“ เอายังไงก็ได้ว่าแต่พวกนายมาแค่ 2 คนเองเหรอคนอื่นๆหายไปไหนหมดล่ะ? ” ริออนถามคริส
“ พวกนั้น ฉันให้มันทำงานแล้วก็เฝ้าคฤหาสน์มีแค่ฉันกับคาน่า แล้วก็พวกลูกน้องมาเท่านั้น มามากแล้วมันวุ่นวาย ” พูดจบคริสก็ก้มลงไปหอมแก้มคนรัก(?)ของตนทีหนึ่ง
“ อืม...เข้าใจแล้วล่ะ แล้วนี่ลินลี่จะไปกับใครล่ะ? ” ริออนพูดพลางยิ้มอย่างสดใส(?)ตามแบบฉบับของตัว
“ ฉันก็ต้องไปกับคริสน่ะสิ คนรักกันจะมาแยกกันไม่ได้หรอก! ” ลินลี่กระตุกยิ้มนิดนึง
“ อ๋อ งั้นเหรอ งั้นฉันจะรอดูล่ะกัน ว่าคนรักกันของเธอจะแยกกันไม่ได้จริงๆมั๊ย ” ริออนทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วเดินออกไป
ณ คฤหาสน์ของคริส.....
เมื่อถึงคฤหาสน์ของคริส...ลินลี่ก็เอาแต่นั่งเหม่อถึงคำพูดของริออนที่พูดตอนที่จะแยกทางกัน ‘อ๋อ งั้นเหรองั้นฉันจะรอดูล่ะกันว่าคนรักกันของนายจะแยกกันไม่ได้จริงๆมั๊ย’ ริออนงี่เง่านั่นพูดอะไรของมันนะ มีพิรุธจัง แล้วมันยังคิดจะทำอะไรของมันอีกน่ะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“ ลินลี่!! ” เสียงของคาน่าที่ตระโกนดังลั่น จนทำให้นกที่เกาะอยู่สะดุ้งหนีเลยทีเดียว กลับไม่เข้าหูของลินลี่ที่กำลังเหม่อลอยอยู่
“ เฮ้ย!!! ลินลี่!!! คริสเรียกหา ” คาน่าตะโกนด้วยเสียงที่ขนาดเครื่องบินยังกลัว และแน่นอนว่า ลินลี่สะดุ้งทันที
“ อะไรของเธอคาน่า ”
“ คริสเรียกหา ไปที่ห้องของคริสที ” คาน่าพูดไปตามที่ถูกสั่งมา ในใจก็ยังสงสัยว่าทำไมตั้งแต่กลับมา ลินลี่ถึงได้เหม่อบ่อยจัง
ห้องของคริส.....
“ มีอะไร? ” เมื่อเดินเข้ามา ลินลี่ก็ถามคำถามนี้ทันที
“ เธอมีแผนอะไรต่อไป ” คริสถามโดยไม่ได้มองหน้า เพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังวุ่นอยู่กับเอกสารอยู่
“ ไม่รู้ ” ลินลี่ตอบอย่างหน้าตาเฉย
“ นี่เธอจงใจกวน...(เท้า)ฉันเรอะ!! ” คริสละหน้าออกจากงานขึ้นมองหน้าลินลี่ด้วยโทสะ
“ เปล่านี่! ฉันตอบตามความจริง เรื่องแบบนี้แกก็ไปถามคารินสิ ” ลินลี่ยักไหล่อย่างไม่ยี่ระอะไรทั้งสิ้น
“ หึ!! ” คริสขึ้นเสียงนิดนึง จากนั้นก็ยกหูโทรศัพท์เพื่อโทรหาใครบางคน
“ ... ”
“ ริส!! แกโทรไปนัดพวกคารินให้มาหาฉันพรุ่งนี้เย็นด้วย ” คำสนทนานี้เรียกความแปลกใจให้ลินลี่ไม่ใช่น้อย
“ ทำไมถึงต้องเป็นตอนเย็นวันพรุ่งนี้ด้วยล่ะ? ” ลินลี่ถามด้วยความสงสัย
“ เย็นนี้ฉันมีประชุมสำคัญ ไปพบพวกนั้นไม่ได้ ” คริสก้มหน้าเซ็นเอกสารต่อโดยที่ไม่ได้สนใจลินลี่
“ อืม เข้าใจแล้ว...นี่แกมีธุระแค่นี้สินะ งั้นฉันขอตัวล่ะ ” พูดจบลินลี่ก็เดินออกจากห้องไป เขายังมีอะไรให้ต้องคิดอีกเยอะ เรื่องแบบนี้มันของแน่อยู่แล้วนี่ว่าคารินต้องจัดการ คิดได้ดังนั้น เขาก็เริ่มคิดถึงเรื่องคำพูดของริออนอีกครั้ง จนไม่ได้ใส่ใจสภาพแวดล้อมรอบข้าง และแน่นอนว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าก่อนที่เขาจะเปิดประตูนั้น มีใครบางคนแอบฟังบทสนทนาเมื่อครู่อยู่…
“ นี่ริส ได้ยินเหมือนกับที่ฉันได้ยินป่ะ? ” เบลเดินออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับเวลเด้
“ อืม ได้ยินชัดๆเต็มสองรูหูเลยล่ะ ” ริสยิ้มเจ้าเล้
“ เฮ้อ!! แล้วฉันจะทำยังไงดีเนี่ย จะบอกคาน่าดีมั๊ยน้า~ ” เบลว่าพลางทำท่าคิดหนัก
“ ฉันไม่สนแล้ว ขอตัวไปทำงานเก็บเงินก่อนดีกว่า ” แล้วริสก็เดินจากไป
“ อ้าว? ไหงทิ้งกับไปง่ายๆอย่างนี้ล่ะเฮ้อ!! ไปหาคาน่าดีกว่า ” เบลพูดแล้วเดินไปหาคาน่า
“ ห๊ะ!!!! แผนงั้นเหรอ? ทำไมฉันไม่รู้มาก่อนเลยล่ะ ” หลังจากที่คาน่าได้ฟังเรื่องที่เบลเล่ามานั้น ก็สงสัยมาก คริสจะมีแผนการอะไรหรือทำอะไรเขาก็ต้องรู้สิ นี่มันจงใจปิดกันชัดๆนี่หว่า!!
“ แต่คาน่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ เพราะเดี๋ยวฉันจะช่วยคาน่าสืบเอง ” เบลพูดพลางตบอกอย่างเสนอตัว
“ เฮ้ย!!! ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย คริสจะทำอะไรมันก็เรื่องของเค้าซิ ถ้าคริสไม่อยากให้ฉันรู้ ฉันก็ไม่อยากรู้หรอกน่า ” คาน่าบอกอย่างปัดๆ
“ ชิชิชิ แต่ฉันอยากรู้นี่นา ”
“ ถ้าแกอยากรู้ ก็ไปสืบเองสิ แล้วก็ไม่ต้องมาบอกฉันด้วย ” คาน่าพูดพลางลุกขึ้นเตรียมไปทำงานที่ได้รับมอบหมายไว้
“ แหมๆ คาน่านี่น้า อย่างทำเป็นเหมือนตัวเองไม่อยากรู้ไปหน่อยเลยน่า ฉันรู้นะ ว่าใจจริงน่ะ คาน่าอยากรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคริสใช่มั๊ยเล่า? ” เบลพูดพลางยื่นหน้าไปใกล้ๆ คาน่า เหมือนจะทำให้ยอมรับความจริง
“ ฉันจะอยากรู้ไปทำไม่เล่า ก็เขากับฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่นา ” คาน่าเถียงด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเรื่อยๆ
“ ชิชิชิ ฉันรู้ว่าคาน่าชอบคริส~ ไม่ต้องมาปิดบังหรอก ใจจริงก็อยากจะเป็นคนพิเศษสำหรับคริสนี่นา ” เบลพูดหยอกล้อไปเรื่อยๆ เรียกความเขินอายให้ปรากฎอยู่บนใบหน้า
“ เฮ้ย!!! แกหลีกทางฉันไปเลยน่ะ ฉันจะไปทำงานแล้ว ” คาน่าพูดเสียงดังกลบเกลื่อนใบหน้าเขินจัดของตัวเอง แล้วพยายามจะเดินหนีไป
“โธ่ๆ คาน่าอ๊ะ!นี่ฉันจะแนะนำอะไรให้อย่างหนึ่งน่ะถ้าคาน่าชอบคริสนัก ก็แย่งมาซะสิ!! ” เบลพูดด้วยน้ำเสียงปนจริงปนเล่น เรียกเอาคาน่าหน้าแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก
“ ฮึ่ย!! แกถอยไปน่า ” คาน่าผลักเบาๆเพื่อให้เบลหลีกทาง ซึ่งเบลก็ยอมหลีกทางไปโดยดี เมื่อเห็นว่าหลีกทางไปแล้ว คาน่าก็รีบเดินออกไปทันที
“ แผนบ้าอะไรไม่รู้ ฉันไม่ทำหรอก ” คาน่าพูดพลางพึมพำพลาง ในสมองตอนนี้มีแต่คำว่า ‘ ถ้าคาน่าชอบคริสนัก ก็แย่งมาซะสิ ’ ‘ ถ้าคาน่าชอบคริสนัก ก็แย่งมาซะสิ ’ ‘ถ้าคาน่าชอบคริสนัก ก็แย่งมาซะสิ ’ อยู่ตลอดเวลา...
ตกเย็น หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ.....
“ เอ่อ...คริส การประชุมที่คริสจะไปนี้ คริสจะเอาใครไปด้วยเหรอค่ะ” ริสเอ่ยถามผู้เป็นเพื่อนของตน แต่ยังไม่ทันที่คริสจะ ได้ตอบ กลับมีคนพูดแทรกซะก่อน
“ คริส~ ครั้งนี้ฉันไม่ไปด้วยน้า~ วันนี้ฉันเหนื่อยมากเลยล่ะ ” เบลรีบเอ่ยปฏิเสธทันที
“ คริส ฉันก็ได้.. ” ริสจะเอ่ยต่อ แต่ทว่าคริสกลับพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“ เออ ฉันรู้แล้ว พวกแกจะไปไหนก็ไปไป๊!! เดี๋ยวฉันจะไปกับคาน่าเอง ” คริสพูดตัดรำคาญ
“ อ้าวเฮ้ย!!!! ทำไมฉันต้องไปด้วยว่ะ ฉันก็ต้องมีพักผ่อนบ้างสิโว้ย!!! ” คาน่ารีบปฏิเสธทันควัน
“ เธอต้องไปกับฉัน!! ” คริสขึ้นเสียงเล็กน้อย
“ ฉันไม่อยากไป ” ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่ในใจกลับอยากไปเสียนี่กระไร
“ เธอน่าจะเข้าใจนะ ว่านี่เป็นคำสั่ง!! ” คริสพูดไว้เพียงเท่านั้น แล้วก็เดินออกจากห้องอาหารไป โดยที่ไม่ลืมจูงมือลินลี่ออกไปด้วย….และถ้าคาน่าได้เห็นภาพดังกล่าวแล้วล่ะก็ คงต้องน้อยใจแน่ๆ แต่นี่...เขากลับไม่เห็นนะสิ ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่กำลังฟุ้งซ่านอยู่นั่นเอง...
“ ฉัน...จะออกไปกับคริสเหรอ แล้วฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะ? จะทำยังไงดี...ได้โอกาสอยู่กับคริสสองต่อสองแล้วเชียวนา ทำไงดีล่ะ....ทำไงดี...เอ๊ะ! ยั่วไง...ยั่วคริสสิ นี่เป็นโอกาสของเราแล้วนะ ” คาน่าพึมพำด้วยแววตาเป็นประกายทำให้เพื่อน ที่ร่วมโต๊ะอาหารด้วยเมื่อครู่ต่างมองหน้ากันด้วยใบหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ เฮ้ย!!! แล้วฉันจะยั่วยังไงล่ะ ฉันยั่วไม่เป็นนี่นา ” คาน่าเริ่มพึมพำและคิ้วเริ่มขมวดอีกครั้ง สมองเริ่มประมวลหาวิธีการยั่วที่ดีที่สุดไว้ใช้กับคริส และในที่สุด...
“ โว้ย!!!!!!... ” คาน่าร้องออกมาเสียงดัง เพราะคิดวิธียั่วคริสไม่ออก และการที่คาน่าร้องเสียงดังนั้นเอง ทำให้เบลและริสเผ่นทันที ก่อนที่แก้วหูจะแตก!
“ โธ่โว้ย!!!! เอาไงก็เอากันแฮะ!! ” คาน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเดินออกจากโต๊ะอาหารไป
ทันทีที่ลินลี่เดินออกจากห้องอาหารไปนั้น เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ที่อยู่คนเดียวทบทวนถึงคำพูดของริออนอีกครั้งและไม่ว่าเขาจะพยายามคิดซักเท่าไร่เขาก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี
“ หรือว่า...ฉันจะเดินไปถามมันครงๆดี? ” ลินลี่รำพึง และเดินใช้ความคิดต่อไป เขาไม่มีเวลามาสนใจสภาพแวดล้อมในตอนนี้ เพราะเขามีเรื่องให้ต้องคิด แต่การที่ไม่สนใจสภาพแวดล้อมนั่นเอง ทำให้เขาไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนแอบเดินตามเขาอยู่ จนกระทั่งถึงห้องนอนรับรองของเขา และเมื่อเขาเปิดประตู...
“ ผลั่ก!! ” มีใครบางคนผลักลินลี่เข้าไปในห้องอย่างแรง และเมื่อลินลี่หันมามองหน้าคนคนนั้น ก็ต้องตกใจอย่างแรง!!!
“ ริออน!!! ” ลินลี่พูดด้วยน้ำเสียงตกใจอย่างมาก
“ ใช่ ฉันเองไงจ๊ะ ยาหยี ” หลังจากที่ปิดประตูห้องพร้อมล็อกกลอนเสร็จเรียบร้อนแล้วริออนก็หันมาพูดกับลินลี่พร้อมยิ้มไปด้วย
“ นายเข้ามาในคฤหาสน์ของคริสได้ยังไง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรจะอยู่นี่ ” ลินลี่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นนิดๆ เพราะเขาไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้านี่ต้องการอะไรจากเขากันแน่
“ ก็วันนี้คริสกับคาน่าไม่อยู่นี่นาแล้วยัง ”
“ พวก เบล ริสกำลังเล่นไพ่กันอยู่อีก ฉันเห็นว่ามีโอกาสเลยเข้ามาได้ยังไงล่ะจ๊ะ ” ริออนพูดพลางเดินเข้ามาหาลินลี่เรื่อยๆ ซึ่งลินลี่ก็เดินถอยหนีไปเรื่อยๆ
“ แล้ว...แล้วนายมาหาฉันทำไม มีธุระอะไรมิทราบ!? ” ลินลี่ถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“ แหมๆ ฉันจะมาหาแฟนเก่าบ้างไม่ได้รึไงกัน ” ริออนพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ ใครเป็นแฟนแกกัน!!!! ” ลินลี่ตะคอกเสียงดัง ในขณะที่ริออนเดินเข้ามาใกล้ลินลี่เรื่อยๆจนหลังของลินลี่ติดกำแพง และยังเอาแขนทั้งสองข้างของริออนมากันไว้ให้ไม่มีทางหนีอีกต่างหาก
“ นี่! อย่าทำเป็นไม่รู้อะไรหน่อยเลยน่า คนเคยค้าม้าเคยขี่กันแท้ๆ ” พูดจบริออนก็ดึงลินลี่ ซึ่งแรงอันน้อยนิดของลินลี่นั้นไม่อาจต้านทานแรงของริออนได้เลยแม้แต่น้อย
“ แก! ไอ้ริออนหื่น! แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ” ลินลี่พยายามดันตัวริออนที่กอดเค้าออกแต่ยิ่งทำอย่างนั้นริออนกลับกอดให้หนักหน่วงขึ้นอีก
“ อะไรกัน มาถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ เธอจะยังบอกให้ฉันปล่อยอีกงั้นเหรอ? ” ริออนพูดพลางก้มหน้าจูบลินลี่
“ นี่ลินลี่ทำไมเธอถึงได้ไปคบกับคริสล่ะ ฉันให้ความสุขเธอไม่พอเหรอ? ”
“ ฉันจะคบกับใครมันก็เรื่องของฉัน แกออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!! ” ลินลี่ตะโกนเสียงดัง ยิ่งทำให้ริออนไม่พอใจเข้าไปใหญ่
“ หึ! คิดว่ามาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆงั้นเรอะ!! ”
“ นี่ ริสว่าสองคนนั้นจะเป็นยังไงบ้างอ่ะ ” เบลว่าพลางโยนมีดในมือเล่นอย่างสบายใจเฉิบหลังจากที่เขาได้เปิดทางให้ริออนเข้าไปในห้องของลินลี่ได้ง่ายๆ
“ เจ๊ว่าคงเรียบร้อยไปแล้วล่ะ แต่...จะว่าไป เจ๊ก็สงสารหนูลินลี่เหมือนกันนะเนี่ย ” ริสพูดพลางวางมะเขือเทศไปบนแก้ม
“ แต่เพื่อช่วยคริสกับคาน่าแล้ว เราก็ต้องทำนะ ” เบลว่าพลางนับเงินพลาง
“ นี่ๆ แต่ถ้าสองคนนี้ไม่แฮปปี้กันล่ะ ริออนก็ต้องมาแย่งคาน่าอีกล่ะสิ ” ริสทำหน้าครุ่นคิด
“ ตอนนี้เราได้แต่ภาวนาให้คริสรู้ใจตัวเองไวๆแล้วกัน ” เบลทำหน้าซีเรียสเช่นกัน
“ อื่ม ถ้าชิลลี่รู้ใจตัวเองแล้วก็คงไม่ปล่อยคาน่าให้เป็นของคนอื่นง่ายๆหรอก ” ริสว่าพลางส่ายหัวให้กับความไร้เดียงสาของคริส
“ ว่าแต่...เอาค่าพูดมาร้อยล้าน ” เบลว่าพลางแบมือขอเงินจากริส
“ ฉันเป็นเพื่อนนายนะ เรื่องอะไรต้องจ่าย ” ริสหันหน้าไปอีกทาง
“ เฮ้ยๆ ถ้าไม่จ่ายเดี๋ยวเจื๋อนซะเลยนี่ ” เบลยังคงทวงเงินไป
“ ก็บอกว่าไม่จ่ายไงเล่า ” ริสก็ยังเถียงต่อไม่เลิกเช่นกัน จนเบลถอดใจ
“ เฮ้อ!! ถึงยังไงก็ภาวนาให้คริสรู้ใจตัวเองสักทีล่ะกัน ส่วนเรื่องแผนที่ได้ยินในห้องคริสนั่น...คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ” ริสพูด
“ เฮ้ย!! คริส!! ตกลงแกรู้รึเปล่าเนี่ย ว่าทำไมริออนถึงไม่มาประชุม!? ” คาน่าเอ่ยถามผู้เป็นเพื่อนตนทันทีที่ออกมาจากที่ประชุม เรียกเอาโทสะของคริสให้ตื่นขึ้นมา
“ ฉันจะรู้เรื่องของมันได้ยังไง!!!! ” คริสตอบโดยไม่หันมามอง เพียงแค่เดินต่อไปข้างหน้า เท่านั้น
“ ก็เห็นปกติมันจะไม่เคยขาดประชุมนี่นา แต่ครั้งนี้กลับขาดประชุม มีเรื่องอะไรรึเปล่า ” คาน่าทำหน้าครุ่นคิด
“ แกอยากรู้ก็ไปถามมันเองสิ!! ห่วงมันนักก็ไปหามันซะสิ!! ” คริสหันกลับมาตวาด
“ ก็...ฉันแค่อยากรู้นี่นา.....แต่เอาเถอะ! ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรหรอก ขอโทษที่รบกวนการเดินทาง เชิญเดินต่อไปเถอะ ” คาน่าพูดเสียงอ่อยๆ พร้อมกับทำท่าเศร้าๆนิดหนึ่ง การกระทำเช่นนี้เล่นเอา คริสชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกลับสู่สภาวะปกติ
“ ไม่ต้องมาทำหน้าสำออย แล้วนี่แกจะเดินตามฉันมาทำไม!! ” คริสเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ ก็...ฉัน...ฉันอยากคุยเรื่องการประชุมเมื่อกี้น่ะ!! ” คาน่ายิ้มแฮะๆ เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งหาข้อแก้ตัวได้
“ ...อืม ” คริสหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ยปากรับ พลางเดินนำไปยังห้องรับรองของตนที่อยู่ชั้นบนสุด และมีความสะดวกสบายรวมทั้งความปลอดภัยมากที่สุดด้วย
“ มีเรื่องอะไรก็ว่ามา ” คริสเอ่ยถามทันที่ทีมาถึงห้องรับรองของตน
“ ก็เรื่องตาแก่ของทรีเซียโน่น่ะ ” คาน่าว่าพลางนั่งลงบนโซฟา
“ ตาแก่ขี้งกนั่น!!...ทำไมเรอะ!! ” คริสเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“ ก้อ....ฉันคิดว่ามันจะกอบโกยผลประโยชน์มากเกินไปน่ะสิ เรื่องอะไรจะมาให้เพิ่มราคาตั้ง 2 เท่า!! คาซิโนทั่วไปเค้าก็ใช่ราคาปกติในการจ่ายเงินเข้าบ่อนกันทั้งนั้น ” กว่าคาน่าจะเค้นประโยคนี้ออกมาจากสมองมันน้อยนิดแทบเป็นตายเลยทีเดียว
“ แล้วแกจะมาบ่นให้ฉันฟังทำไม!! ”
“ ก็แค่จะถามว่า...นายจะทำยังไงต่อเหรอ? ” คาน่าว่าพลางนั่งพิงโซฟากอดอกและแยกขาออกเล็กน้อย แต่เมื่อคริสเห็นกลับทำเป็นเมินซะอย่างนั้น
“ ฉันก็จะต้องคุยกับมันให้รู้เรื่องอยู่แล้ว พรุ่งนี้เช้ายังไงก็ต้องได้ข้อสรุปที่สมน้ำสมเนื้อกันหน่อยสิ!! ใครจะให้มันได้ผลประโยชน์ในการค้าคาซิโนคนเดียวเล้า ” คริสพูดพลางกระตุกยิ้ม
“ อืมๆ ” คาน่าพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
“ แล้วนี่ตกลงแกจะกลับได้รึยัง!? มาเพื่อเรื่องแค่นี้น่ะ ” คริสเอ่ยปากไล่ นั่นทำให้คาน่ายิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก ทำได้แต่...
“ ถ้างั้นฉันก็หมดธุระที่จะคุยแล้ว ไปก่อนนะ ” เมื่อคาน่าพุดจบก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันที แต่ในขณะนั้นเอง คาน่าก็เกิดสะดุดกับอะไรก็ไม่รู้ ทำให้การทรงตัวมีปัญหา และเขาเองนั้นก็คิดว่าจะล้มแน่ๆเลยหลับตาปี๋ไว้ แต่ปรากฏว่าร่างกายเขากลับไม่ได้สัมผัสถึงความเย็นของพื้นเลยแต่กลับสัมผัสกับอกแข็งๆของใครบางคนแทน ซึ่งคนคนนั้นไม่ใช่ใครนอกเสียจาก...
“ คาน่า!!! เธอลุกออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้น่ะ ล้มบ้าอะไรของเธอ ไม่ดูอะไรบ้างเลย!! ” คริสรีบต่อว่าคาน่าที่ทักอยู่บนอกของเขาทันที
“ คนจะล้มมันจะบังคับให้ไม่โดนใครได้บ้างเรอะ!! ” คาน่าบ่นพลางยันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่คริสจะเผาเขาทิ้งแต่ก็
“ พลั่ก!! ” คาน่าต้องล้มลงไปอีกรอบเนื่องจากอาการขาเคล็ดที่เกิดจากการล้มเมื่อครู่ แต่คราวนี้ไม่มีที่รองรับแล้ว คาน่าล้มลงไปบนพื้นอย่างจัง
“ สำออยจัง แค่นี้ก็ขาเคล็ดแล้วเรอะ!? ” คริสบ่นด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กๆ
“ โธ่โว้ย!! ร่างกายมันห้ามได้ที่ไหนกันเล่า!! ” คาน่าว่าพลางพยายามจะลุกขึ้นมาอีกรอบให้ได้ แต่ผลสุดท้ายก็เหมือนเดิม
“ เฮ้อ!! ” คริสถอนหายใจ ก่อนที่จะช่วยพยุงคาน่าให้ไปนั่งบนโซฟา
“ แล้วนี่ฉันจะกลับห้องยังไงเนี่ย!! ” คาน่าเอ่ยพลางทำท่าอารมณ์เสีย(?) ส่วนคริสก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ ถ้าไปที่ห้องเธอไม่ได้ ก็อยู่มันที่ห้องนี้น่ะแหละ! !” คริสพูดตัดรำคาญ แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้คาน่าตาวาวในทันที
“ โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันนอนห้องนายล่ะกัน ” พูดจบคาน่าก็พาตัวเองไปที่เตียงของคริสอย่างทุลักทุเล
“ ใครสั่งให้เธอนอนที่เตียงฉัน ห๊า!! ” คริสว่าพลางฉุดแขนของคาน่าให้ลุกขึ้น และจากการกระทำนั้นเอง ทำให้คาน่า...ทำแก้มป่องๆด้วยความงอน แถมยังไม่ยอมลุกขึ้นอีกต่างหาก
“ ก็นายบอกให้ฉันนอนที่นี่ได้นี่นา ” คาน่าว่าพลางทำปากจู๋ ทำให้ชิลลี่กับกิริยาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนี้
“ ฉันบอกให้เธอนอนที่นี่ ไม่ได้บอกให้เธอนอนบนเตียง!! ” คริสยังคงพยายามทำเสียงเข้ม ไม่หวั่นไหวต่อการยั่วเนียนของคาน่า
“ ไม่อาวอ่ะ ก็ฉันลุกไม่ขึ้นแล้วนี่นา ขอนอนตรงนี้เถอะนะ น้า~ ” คาน่าอ้อนคริส จนในที่สุดคริสก็ใจอ่อน
“ เออๆ ก็ได้ แกนี่มันน่ารำคาญจริงๆนะ ” คริสพูดแบบไม่ใส่ใจอะไรมาก แล้วก็หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป เรียกเอา คาน่าหน้าแดงทันที...
“ เหมือนฉันเป็นเจ้าสาวนอนรอเจ้าบ่าวอาบน้ำเสร็จยังไงยังงั้นแหละ!! ” คาน่าพูดเบาๆพร้อมความเขินอายที่ปรากฏอยู่บนหน้า
“ แต่...จะบ้าเรอะ!! เราคิดอย่างนั้นได้ยังไง ยังไม่ได้ก้าวไปถึงขั้นนั้นซักหน่อยนี่ ” คาน่าเถียงกับตัวเอง
“ แต่ว่าเดี๋ยวก็ถึงขั้นนั้นเองแหละน่า!! ” คาน่ายังเถียงกับตัวเองต่อไป
“ แต่คริสไม่ได้รักเราสักหน่อย ”
“ แต่ว่าถ้าพยายาม เดี๋ยวคริสก็หันมารักเองแหละ!! ”
“ แต่คริสรักลินลี่นี่นา ”
“ แต่ก็ใช่ว่าคริสจะเลิกรักไม่ได้นี่ ”
“ แต่ถ้าเลิกรักลินลี่แล้ว จะรักเรามั๊ยอ่ะ!? ”
“ แต่...แต่...แต่... ”
“ โอ้ย!!! ไม่เอาแล้ว ไม่คิดแล้ว นอนดีกว่า ” คาน่าขยี้หัวตัวเองด้วยความสับสนก่อนที่จะล้มตัวลงนอนทันทีและเนื่องจากการประชุมในวันนี้หนักมาก ทำให้คาน่าผล็อยหลับไปโดยง่าย...
“ แก๊ก! ” คริสเปิดประตูห้องน้ำออกมาหลังจากเสร็จธุระในห้องน้ำเรียบร้อย เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเตียง พลางเอื้อมมือจะไปลูบผมของคาน่าเบาๆ หากแต่ว่า..
“ บ้าน่า!! ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย ไม่ได้น่าจับซักหน่อย ” คริสชักมือกลับทันทีพลางเสหน้าไปทางอื่น
“ เฮอะ!! ไร้สาระน่าที่ฉันจะต้องมาดูคาน่าหลับน่ะ ไปแต่งตัวจะยังดีกว่า ” คริสพูดก่อนเดินไปแต่งตัว แต่ถึงกระนั้น คริสก็ยังหันกลับมา เหมือนโดนมนต์สะกด เขาก้มหน้าลงไปจูบปากของคาน่าแสนบอบบางนั้น เนิ่นนานเหมือนจะเป็นการปลุกจากการหลับใหลของเจ้าหญิงนิทรา หากแต่ว่า...เขาเองไม่ได้ชุดมียศแบบนั้น แต่ใส่เพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวและยังเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำอีก แถมคาน่าตรงหน้าก็ไม่ได้ชุดกระโปรงแสนสวยแบบเจ้าหญิง หากแต่สวมใส่ชุดเครื่องแบบ ก็เพียงเท่านั้นและเมื่อ คริสรู้ตัวอีกทีว่าริมฝีปากของตนเองได้จรดไปที่ริมฝีปากสีกุหลาบของคาน่าเขาก็รีบผละออกทันที
“ ทำไมฉันต้องจูบเธอด้วย!! ไม่ได้รักเธอซักหน่อย ” คริสทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ก่อนที่จะเดินไปแต่งตัว
ทางด้านลินลี่.....
“ หึ! น่าสมเพศจังเลยตัวฉัน ” ลินลี่พูดกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับน้ำใสๆที่เอ่อล้มอยู่ขอบดวงตา ก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงช้าๆลงสู่เตียงนอนหลังจากที่ริออนเดินออกจากห้องไปแล้ว
“ เฮ้อ!! ” ลินลี่ส่ายหัวเบาๆเพื่อไล่ความรู้สึกบ้าๆนี้ออกไป ก่อนที่จะยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บใจที่แล่นเข้าสู่สมอง
ยามเช้า...
“เฮ้ย!! คาน่า ออกไปจากแขนฉันเดี๋ยวนี้เลยน่ะ! ” คริสว่าพลางพลักหัวคาน่างัวเงียที่มาอยู่ในอ้อมแขนตนตั้งแต่เมื่อไร่ไม่รู้ออกไป
“ อืม... ” แต่ถึงกระนั้น คาน่าก็ยังคงไม่ยอมตื่นง่ายๆ
“ ตื่น!! ” คริสตะโกนเสียงดัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คาน่ายอมตื่นอีก จนในที่สุด
“ ปึด !” คริสตัดสินใจดึงผมของคาน่า ทำให้คาน่าที่ไม่ยอมตื่นนั้น ตาใสแป๋วทันที
“ โอ้ย!! คริส เจ็บนะเฟ้ย!! ” คาน่าโวยวายทันที
“ ก็ใครใช้ให้แกไม่ยอมตื่น!! ” คริสว่าพลางทำหน้าคิ้วขมวด แต่คาน่าก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก พลางมองไปรอบๆ และได้รู้ว่า ตนนั้นอยู่ในอ้อมกอดของคริส
“ เฮ้ย!! คริส นอกใจลินลี่เรอะ ” คาน่าถามด้วยแววตาเป็นประกาย
“ แกเอาเรื่องบ้าๆนี้มาจากไหน!! ” คริสถามเสียงเหี้ยม
“ ก็นี่ไง ” คาน่าพูดพลางชี้ให้คริสมองตนที่อยู่ในอ้อมแขนเขา
“ เฮ้ย!! ” คริสรีบปล่อยคาน่าทันที ซ้ำยังพลักคาน่าจนตกเตียงอีกด้วย
“ โอ้ย! ไอ้เวร ทำเหมือนกับฉันจะชิงพรหมจรรย์แกอย่างนั้นแหละ ที่จริงฉันเป็นฝ่ายเสียหายนะโว้ย!! ” คาน่าบ่น
“ แกจะเสียหายได้ยังไง ในเมื่อแกเป็นคนเข้ามาในอ้อมกอดฉันเองฉันเสียหายชัดๆพรหมจรรย์ฉันขาดหมด ” คริสตอกกลับ ทำเอาคาน่างงเป็นไก่ตาแตก
“ แล้วแกรู้ได้ยัง ” คาน่าถามด้วยความสงสัย
“ ฉันไม่มีทางดึงแกมากอดหรอก ” คริสพูดพลางลุกขึ้นจากเตียง
“ เฮ้ย!! แกเองก็รู้ไม่จริงนี่หว่า!? อย่ามาทำเป็นรู้หน่อยเลย ” คาน่ายังคงโวยวายไม่หยุด
“ จำไว้นะ... ” คริสพูดพลางเดินย้อมกลับมาหาคาน่า
“ ... ” คริสเชิดหน้าคาน่าขึ้นแล้วพูดว่า...
“ ฉันถูกเสมอ ” กล่าวจบ เขาก็เดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้คาน่านั่งอ้าปากค้างในความเอาแต่ใจของคริส และเมื่อคริสหันมองกลับมาอีกครั้ง เขาก็ต้องหัวเราะเบาๆในกกระทำของคาน่า…และจนกว่าคาน่าจะรู้สึกตัว และหยุดอึ้งนั้น คริสก็ได้เดินเข้าไปในห้องน้ำซะแล้ว
“ ไอ้ ...ไอ้บ้า!! ” คาน่าไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าเพื่อนของตัวเองได้อีกแล้ว คำที่พูดออกมานั้นก็เค้นแทบตายในสมอง...เมื่อคริสและคาน่ากลับมาถึงคฤหาสน์ ก็เจอกับเบล ริสและพวนลูกน้องออกมายืนต้อนรับ ที่ขาดไม่ได้คือ...ลินลี่
“ กลับมาแล้วเหรอคริส ” ลินลี่ถามพร้อมเดินเข้าไปใกล้คริส แล้วจุมพิตเบาๆหนึ่งที
“ อืม ” คริสตอบพลางโอบเอวร่างบางไว้ ก่อนที่จะพากันเดินเข้าไปในคฤหาสน์ คาน่าได้แต่มองภาพภาพนั้นด้วยแววตาเจ็บปวดก่อนที่จะเดินออกไปอีกทางหนึ่ง
“ ชิชิชิ คริสทำร้ายจิตใจคาน่าอีกแล้วอ่ะ คริสนิสัยไม่ดีเลย ” หลังจากที่คาน่าเดินออกไปไกลจนไม่มีทางได้ยินแล้วนั้น เบลก็เอ่ยปากพูดทันที
“ อืมๆ เจ๊คิดว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะว่าแผนนั่นแน่เลย ตอนแรกเจ๊ก็ไม่นึกเอะใจหรอกนะ คิดไว้ว่าน่าจะเป็นแผนฮันนีมูนของคริสกับลินลี่แน่ๆเลย เลยต้องปรึกษาเรื่องสถานที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับพวกคารินน่ะ แต่ก็แอบสงสัยนิดๆนะว่าทำไมไม่ปรึกษาพวกเรา แต่ตอนนี้เจ๊รู้แล้วล่ะ ต้องเป็นแผนอะไรวิปริตๆของพวกนั้นแน่ๆเลย ” ริสให้ความเห็น
“ งั้นเราไปเจี๋ยนพวกมันดีมั๊ย? ” เบลพูดพลางทำหน้าเหี้ยม
“ อย่าดีกว่านะ! เพราะเจ๊คิดว่า พวกนั้นต้องต้องมีจุดประสงค์เดียวกับเราแน่ๆเลย ที่จะช่วยให้ คริสกับคาน่าสมหวังกันน่ะ ” ริสพูดอย่างน่าเชื่อถือ
“ อืมๆ ” เบลว่าพลางทำหน้ารับรู้
“ ฉันคิดว่า เราควรไปคุยกับพวกนั้นเรื่องนี้ดีกว่านะ ” ริสให้ความคิดเห็นดีๆ
“ ฉันเห็นด้วยกับริสนะ ” เบลว่า
“ งั้นตอนที่พวกนั้นมาที่นี่ตอนเย็นวันนี้ เราค่อยคุยกับพวกนั้นล่ะกัน ” ริสสรุป
“ อื้ม!! ” เบลขานรับ
ณ ห้องทำงานของคริส...
“ แกอารมเสียแต่เช้า ไปทำอะไรมาล่ะ!? ”
“ !!? ” ลินลี่สะดุ้งแล้วมองหน้าคริส ก่อนที่จะเสมองไปทางอื่นซึ่งถ้าเป็นปกติคริสคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เพราะว่าเขากำลังอารมณ์ดีจากการที่ได้แกล้งคาน่าเมื่อสักครู่ เขาเลยไม่ได้ถือโกรธคนตรงหน้ามากนัก ซ้ำยังพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ ไหนๆแกกับฉันก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว บอกฉันมาเร็วๆเถอะน่า ”
“ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก แกไม่จำเป็นต้องรู้!! ” ลินลี่ยังคงปากแข็ง
“ ฮ่ะ!! แกคงยังไม่อยากอารมเสียอีกครั้งหรอกนะ ” คริสถามเชิงจริงเชิงเล่น
“ แกหมายความว่าไง!! ” ลินลี่ถามด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
“ ก็หมายความว่า...เธออยากโดนฉันจูบอีกรอบเรอะ!! ” คริสถามยิ้มๆเป็นเชิงเล่นๆ
“ แก!! ” ลินลี่ชักปืนออกจากข้างตัวเตรียมที่จะลุยเต็มที่
“ ฮาฮ่าฮ่า ” คริสหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจจากการที่ได้แกล้งร่างบางตรงหน้า แต่เหตุผลที่แกล้งไม่ได้เหมือนกับคาน่าหรอกนะ เพราะที่เขาแกล้งคาน่าก็เพราะว่าอยากแกล้งอยากเห็นมันให้ความสำคัญของเขาคนเดียวแต่ที่แกล้งลินลี่ก็เนื่องมาจาก ความอารมณ์ดีจากการที่ได้แกล้งคาน่าเมื่อสักครู่นั่นเอง สรุปแล้ว...คาน่าก็เหมือนกับของเล่นของเขาที่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นก็เท่านั้นเอง
“ แกมันโรคจิต!! ” เมื่อลินลี่เห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีพิษภัยอะไร เขาก็เก็บปืนไว้ที่เดิม
“ หึ! ตกลงแกจะยอมบอกฉันได้รึยัง ว่าใครจูบแก!! ” คริสยังคงถามไม่เลิก
“ .... ” ลินลี่ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาทั้งสิ้น ซ้ำยังมีความเขินอายปรากฏอยู่บนหน้าอีก
“ ไอ้ริออนสินะ ” คริสพูดอย่างไม่ลังเล
“ อึ่ก!! ” ลินลี่สะดุ้ง ก่อนที่จะพยักหน้ายอมรับ
“ ฮ่ะ!! แกนี่มันโง่จริงๆเลยนะที่ดันไปรักคนที่เขาไม่รักแก ” คริสเยาะเย้ย นั่นทำให้ลินลี่ตอกกลับทันที
“ แกก็โง่เหมือนกันนั่นแหละ! ที่ไม่รักคนที่เขารักแกจนหมดหัวใจ ” ลินลี่พูดพลางยิ้มเยาะ นั่นทำให้คริสที่อารมณ์ดีอยู่นั้นเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยทีเดียว
“ เมื่อกี้แกว่าไงนะ!! ” คริสตะคอกพลางเดินเข้าไปหาลินลี่
“ โง่แล้วยังหูตึงอีกเรอะ!! ” ลินลี่ไม่ยอมแพ้ พลางเดินเข้าไปหาคริสแล้วชักปืนออกมาหมายยังปืนไปที่หัวของคริส แต่น่าเสียดายที่คริสนั้นก้มหัวลงก่อนที่จะเอี้ยวตัวไปข้างหลังลินลี่แล้วพยายามที่จะล็อคไว้ และในขณะที่ทั้งสองกำลังสู้กันอยู่นั้น คาน่าก็เปิดประตูเข้ามา
“ คริส!! มีงานด่ว... ” คาน่าหยุดค้างทันที เพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันคือภาพที่คริสกับลินลี่กำลังกอดกันอยู่ด้วยความรักใคร่
“ มีอะไร!! ” คริสเอ่ยถาม
“ เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก ” คาน่าหมุนตัวถอยกลับ และเดินออกไปทันที ส่วนคริสก็ไม่ได้คิดที่จะเดินตามไป
“ นี่แกไม่คิดจะตามไปง้อคาน่านั่นหรอกเรอะ ” ลินลี่ถามพลางเอาตัวออกมาจากอ้อมแขนของคริส
“ ทำไมฉันต้องไปง้อมันด้วย ” คริสพูดอย่างไม่แยแสเท่าไร่
“ เฮอะ!! ตามใจแกล่ะกัน ” ลินลี่พูดพลางเดินออกไป แต่ยังไม่ทันได้ออกประตู
“ นี่ฉันกับแกเลิกทะเลาะกันแล้วเรอะ ” คริสถาม ตอนนี้เขาไม่มีโทสะใดๆทั้งสิ้น
“ ก็เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่!! ” ลินลี่พูดพลางยิ้มมุมปากแบบไร้พิษสงนิดหนึ่ง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปเมื่อลินลี่เดินออกจากห้องไปแล้ว เขาก็ต้องกลับมาครุ่นคิดถึงคำพูดของลินลี่เมื่อครู่
“ นี่แกไม่คิดจะตามไปง้อคาน่าหรอกเรอะ ” ทำไมเขาต้องตามไปง้อมันล่ะ มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อเขามากมายๆซักหน่อย มันงอนไป เดี๋ยวซักพักก็หายงอนเองแหละ!!แต่ทำไมคริสถึงจะคิดเช่นนั้น แต่บัดนี้เขาได้มายืนอยู่หน้าห้องของคาน่าแล้ว เขาเดินมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร่ก็ไม่รู้ พอรู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ที่นี่แล้ว
“ ก๊อกๆๆ ” คริสเคาะประตูห้องของคาน่า ไม่ใช่เพราะมารยาท แต่เป็นเพราะว่าประตูห้องนั้นล็อคอยู่ต่างหากเล่า!!
“ คาน่า นี่ฉันเองนะ ทีนี้แกจะเปิดประตูให้ฉันดีๆ หรือว่าจะต้องให้ฉันพังเข้าไป ” คริสพูดกับ คาน่าผ่านประตูห้องนอน
“ ฉันจะนอนโว้ย!!! ” คาน่าตะโกนผ่านประตูมาอย่างเสียงดัง
“ แกจะทำอะไรอยู่ก็ช่าง แต่ตอนนี้แกต้องเปิดประตูให้ฉัน ” คริสพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ เรื่องอะไรฉันต้องเปิดประตูให้แก นี่มันสิทธิของฉันนะ ฉันไม่เปิด!! ”
“ สรุปว่าแกต้องการให้ฉันพังเข้าไปสินะ!! ” คริสพูดพลางใช้เท้ายันประตูเตรียมลุยเต็มที่ แต่ทว่า...
“ ผ่าง! ” คาน่าเปิดประตูออกมาเสียก่อนที่ชิลลี่จะเป็นคนเปิดเอง
“ เมื่อกี้แกกล้าทำให้ฉันอารมณ์เสียนะ!” คริสว่าพลางผลักคาน่าให้เข้าไปในห้อง แล้วจึงใช้มือบังคับให้หน้าของคาน่าจ้องหน้าเขาตรงๆ
“ เออ!! ใช้ขอโทษที่ไปขัดอารมณ์แห่งความสุขของแก! ” คาน่าตะคอกใส่หน้าชิลลี่อย่างแรง จึงเกือบจะทำคนตรงหน้าโกรธซะแล้ว แต่ทว่าคริสนั้นเห็นอะไรบ้างอย่างที่หน้าของคาน่าเสียก่อน มันคือรอยชื้นๆของคราบน้ำตา
“ แกร้องไห้ทำไม ” คริสเอ่ยถามทันทีที่เห็น
“ ปล่อยฉันนะ อย่างมายุ่ง!! ” คาน่าว่าพลางสะบัดหน้า จนหลุดออกจากการจับกุมของคริส
“ นี่ฉันถามแกดีๆนะ!! ” คริสเริ่มมีโทสะ
“ มันไม่ใช่เรื่องของแกหรอก!! ”
“ หึ!! หรือว่าแกจะหึงฉันกับลินลี่ ” คริสพูดด้วยน้ำเสียงยียวน
“ ฉันจะไปหึงแกทำไม ” ดวงตาของคาน่าเริ่มมีน้ำตาปริ่มออกมาเล็กน้อย
“ ก็เพราะแกรักฉันยังไงเล่า!! ” คริสพูดอย่างสบายๆ แต่ก็ทำให้คาน่าสะดุ้งเล็กน้อย
“ ฉันไม่ได้รักแก!! ” คานย่าตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“ หึ! แล้วไอ้เรื่องที่แกร้องไห้เพราะหึงฉันกับลินลี่ แล้วก็เรื่องที่แกยั่วฉันที่โรงแรมนั่นด้วย จะว่ายังไงล่ะ ” คริสพูดด้วยน้ำเสียงกวนโทสะ ยิ่งเขาเห็นตาน่านี่จนมุมมากเท่าไร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
“ กรอด... ” ส่วนคาน่าก็เจ็บใจที่ถูกรู้ไต๋ไปจนหมด เขาเองก็อับอายเหมือนกันนะที่คริสรู้ว่าเขาชอบ
“ ที่จริงแล้ว...แกเองก็อยากเป็นของฉันใช่มั๊ยล่ะ ” คำพูดนี้ทำให้คาน่ามีโทสะขึ้นมาแล้วเหมือนกัน นี่มันหยามกันชัดๆ!!!
“ แกรู้อะไรบ้างมั๊ย...คำพูดเมื่อกี้ของแกมันโสโครกมากขนาดไหน ” คาน่าจ้องคริสด้วยแววตาที่แข็งกร้าว นั่นทำให้ฟางแห่งโทสะเส้นสุดท้ายของคริสขาดทันที!!!!!
“ ..... ” คริสดึงคาน่ามาแล้วจูบ
“ ปล่อยนะ ไอ้โสโครก ” คาน่าผลักคริสออกแล้วเดินออกจากห้องไป
ณ ห้องรับแขก...
หลังจากที่คาน่าเดินออกจากห้องแล้วคริสก็เดินลงมายังห้องรับแขกเพื่อมาพบกับคนที่เขานัดไว้ แต่เขาก็ต้องแปลกใจที่เพื่อนทั้งสามคนอันได้แก่ ริส และ เบลก็อยู่ในที่นั้นด้วย
“ พวกแกมาเสนอหน้าอะไรที่นี่!? ” คริสเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“ เรา...จะมาร่วมแผนนี้ด้วยไงคะ ” ริสตอบด้วยสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย คล้ายๆว่าต้องการพูดอะไรซักอย่างแต่พูดไม่ออก
“ ริส ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ ฉันจะพูด!! ” เบลว่าพลางลุกขึ้น
“ แกต้องการจะพูดอะไร!? ” คริสเอ่ยถาม
“ เมื่อกี้พวกเราไปที่ห้องของคาน่ามา คริสคงรู้นะว่าพวกฉันรู้อะไร ทำไมล่ะ!! ทำไมคริสถึงต้องทำร้ายคาน่าถึงขนาดนั้นด้วย!! ” เบลพูดอย่างไม่เกรงกลัว
“ เดี๋ยวนี้แกกล้าขึ้นเสียงกับฉันเรอะ !! แล้วอีกอย่าง ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน!! ” คริสพูดเสียงกร้าว
“ เบล นั่งลงก่อนเถอะ ” ริสว่าพลางดึงเบลให้นั่งลงที่เดิม
“ คริสก็เชิญนั่งเถอะค่ะ ”
“ ฮึ !! ” คริสแค่นเสียงขึ้นเล็กน้อย
“ มันเป็นความจริงเหรอ!? คริส แล้วนายทำอย่างนี้ทำไมล่ะ!! ” โรสพูดด้วยน้ำเสียงโกรธนิดๆ
“ ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันจะทำอะไรมันเป็นเรื่องของฉัน!!! ” คริสพูดอีกรอบด้วยน้ำเสียงที่ดังมากกว่าเดิม
“ ใจเย็นๆก่อนนะ คริสที่พวกเขาถาม ก็เพราะว่าเป็นห่วงนายกับคาน่านะ ” คารินพูดบ้าง
“ ฉันไม่ต้องการให้พวกแกมาเป็นห่วง! ” คริสเริ่มคลายอารมณ์โกรธลงได้บ้างแล้ว
“ ฉันรู้นะ คริส ว่านายเองก็ไม่ได้อยากทำร้ายคาน่านักหรอก ” คำพูดของลินลี่ทำให้คริสถึงกับเงียบไป
“ นายทำลงไปก็เพราะความโกรธใช่มั๊ยล่ะ!? ” คารินถามต่อ
“ ... ” คริสยังคงนิ่งเงียบ แต่นั่นก็หมายความว่าเขายอมรับแล้วนี่นา
“ หึหึ ใจจริงนายเองก็รักคาน่านี่นา ” คารินพูด(เหมือนจะ)หยอกล้อ
“ แกจะบ้าเรอะ!! ฉันเนี่ยนะ รักคาน่า ไม่มีทาง!!! ” คริสปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ เฮอะ!! พูดไปเถอะแก พอถึงเวลาที่เจ้านั่นหนีไปซบอกชายอื่นแล้วแกจะเจ็บใจ!! ” รันเอ่ยปากพูดบ้าง
“ มันจะไม่มีวันนั้น!!! ” คริสพูดเสียงกร้าว
“ ฮะฮาฮ่า นี่นายรู้มั๊ยเนี่ย คริสนายกำลังยอมรับทางอ้อมนา ว่านายรักคาน่าน่ะ ” พีชพูดออกมาอย่างไม่รู้เวล่ำเวลา
“ ใครใช้ให้แกหัวเราะฉัน!! ” คริสพูดพลางปล่อยออโรร่าสีดำทะมึน
“ อ๊ะ โทษที ” พีชพูดยิ้มๆ
“ แล้วนี่พวกแกยุ่งกับเรื่องของฉันมากพอรึยัง!! ” คริสพูดเสียงเหี้ยม
“ ยัง… ” ลินลี่ที่ดูเหมือนเกือบจะถูกลืมเอ่ยขึ้น
“ ... ” ทำเอาทุกคนหันมามองผู้พูดเป็นตาเดียว
“ แกน่ะ...หัดรู้ใจตัวเองบ้างสิ ไม่งั้น...แกก็จะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน ” ลินลี่พูดอย่างสบายๆ ไม่ได้มีน้ำเสียงเยียดหยามแต่อย่างใด
“ เฮอะ!! แกน่ะ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!! ” คริสตอกกลับ แต่ไม่มีอารมณ์โมโหแต่อย่างใด
“ แต่เอาเถอะ ฉันจะเก็บไปคิดล่ะกัน ”
“ เอาล่ะ ฉันว่าเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่านะ ” คารินเริ่มต้นพูดขึ้น
“ ในตอนแรก ฉันคิดว่าแผนที่เราทำกันอยู่ตอนนี้ นั่นก็คือแผนสลับคู่ชู้ชื่นจะไม่สำเร็จ แต่สุดท้ายมันกลับได้ผลมากกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ เพราะจากการที่ฉันได้ฟังเรื่องทั้งหมดที่ริสเล่าแล้ว ฉันก็ได้รู้ว่า...ริออนก็หึงลินลี่เอาเรื่องเลยนะ ” คารินพูดพลางหันไปทำหน้าล้อเลียนใส่ลินลี่
“ หึงบ้าหึงบออะไร ริออน...มันก็แค่โกรธที่ฉันดันไปทำร้ายจิตใจคาน่า…ก็แค่นั้นเอง ” ประโยคหลังๆนั้น ลินลี่พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก
“ หึหึ เธอนี่ ฉลาดในหลายเรื่องเลยนะ แต่กลับโง่เรื่องตัวเองซะได้ ” คารินพูดพลางส่ายหัว
“ คารินวอนหาที่ตายเรอะ! !” ลินลี่พูดพลางปล่อยรังสีอัมหิต
“ อ๊ะ!! เดี๋ยวก่อนสิ ลินลี่ คารินเขาก็แค่แกล้งหยอกเล่นเท่านั้นเอง ” พีชรีบเข้ามาห้ามทันที
“ จะเล่าแผนก็เล่ามาสิ! มัวแต่ชักช้าอยู่ได้ ” คริสเร่ง
“ แหมๆ ใจเย็นๆสิ ก่อนอื่นขอชี้แจงเรื่องที่ผมพูดไปตอนแรกก่อนนะ ที่ว่าริออนหึงลินลี่..เธอลองคิดดูนะว่า ทำไมริออนถึงต้องมาหาลินลี่ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะหึงลินลี่ และถ้าหึงคาน่าจริง ทำไมไม่ไปหาเรื่องคริสละ เพราะคริสเป็นต้นเหตุของการทำร้ายจิตใจคาน่านี่นา ” คารินพูดอย่างเรียบๆเพื่อให้ทุกคนคิด
“ เออ มันก็จริง บางทีที่คารินพูดอาจจะถูกต้องก็ได้นะ!! ” รันหันไปพูดกับลินลี่ทันที
“ อืม...ฉันก็เห็นด้วยนะ ฉันคิดว่าที่คารินพูดมามันถูกแล้วล่ะ ” เบลว่าตามด้วย พร้อมกับที่คนอื่นๆก็พยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
“ อืม ” คริสก็พยักหน้าตามไปด้วย
“ เฮอะ!! ” ลินลี่สะบัดหน้าแดงๆของตัวเองหนี
“ เห็นมั๊ยล่ะ เหตุผลนี้น่าเชื่อถือจะตายไป เอาเป็นว่าฉันขอสรุปนะว่า เราจะดำเนินการตามแผนนี้ต่อไป และยังจะเพิ่มความเข้มข้นให้มากขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ ” คารินพูดอย่างยิ้มๆ
“ เข้มข้นขึ้น!? หมายความว่ายังไง ” คริสเอ่ยถาม
“ ก็หมายความว่า...พวกเธอจะต้องใกล้ชิดกับริออนและคาน่ามากขึ้นกว่าเดิมไง และระหว่างที่พวกเธอเริ่มใกล้ชิดกันนั้น...พวกเธฮก็แสดงบทบาทได้เต็มที่เลย ” คารินพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“ แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา ” ลินลี่ถามอย่างเซ็งๆ
“ ได้สิ เพราะพวกนั้นจะได้แสดงอาการหึงจนออกนอกหน้าไงละ ”
“ เธอแน่ใจเรอะ ว่าริออนมันจะหึง ” คริสเอ่ยถามบ้าง
“ แน่ยิ่งกว่าแน่อีก จากการที่ฉันดูโดยรวมแล้ว ริออนแค่ห่วงคาน่าในฐานะเพื่อนสนิทแค่นั้นเอง แต่สำหรับลินลี่เขาหึงในฐานะคนรักนะ ” คารินพูดอย่างไม่ติดขัดและแน่ใจ ทำให้บุคคลทั้งสองที่ไม่ขอเอ่ยนามใจชื้นขึ้นมาทันที “ แล้วทำไมริออนถึงได้ทำร้ายลินลี่ล่ะ ” เบลถามด้วยความสงสัย “ หึหึ ก็อาจจะเป็นเพราะว่า...ริออนเขาเป็นพวกแสดงความรักไม่ค่อยเก่งล่ะมั้งแถมยังเป็นพวกไรเดียงสา( ซื่อบื้อ )ซะด้วย ” คารินพูดอย่างยิ้ม
“ แล้ว...จะทำยังไงให้ริออนหายโง่สักทีล่ะ ” คราวนี้นิกะถามบ้าง
“ ก็ทำตามแผนไงล่ะ ไม่ใช่แค่ริออนที่จะหายโง่นะ ฉันเชื่อว่าต้องมีใครอีกสักคนที่หายแน่ๆ ” คารินพูดพลางชายตาแลคริสเล็กน้อย
“ เออ!! ทำก็ทำ ” คริสและลินลี่พูดออกมาพร้อมกัน
“ ดีมาก งั้นเดี๋ยวฉันจะไปจัดการเรื่องก่อนนะ ” คารินพูดพลางถือโทรศัพท์เดินออกไปข้างนอก ทิ้งความแปลกใจให้ทุกคนได้คิดกันเล่นๆ
“ เอาล่ะ พร้อมแล้ว ” คารินเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม “ เอ๋! คารินทำอะไรเหรอ ” โรสเอ่ยถาม
“ ก็จัดการเรื่องแผนเสร็จแล้วน่ะสิ แต่ว่า... ” คารินทำหน้าหงอยๆเล็กน้อย
“ แต่อะไรก็บอกมาสิ อ้ำอึ้งอยู่ได้ ” เบลเร่ง
“ หลังจากที่ฉันจัดการแผนนั่นเสร็จ แม่พวกเราสี่คนก็โทรมา ” คาน่าพูดพลางมองหน้าทุกคน
“ อืม แล้วแม่ว่าไงบ้างล่ะ!? ” นิกะถามตาใสแป๋ว
“ เขาบอกว่า ให้กลับญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้น่ะ ”
“ เฮ้ย!! ” ทั้งสี่คนอันได้แก่ นิกะ โรส พีชและรัน ต่างอุทานออกมาพร้อมกัน
“ เขาบอกให้เดินทางตอนเช้าของวันพรุ่งนี้เลยล่ะ และเรื่องตั๋วเขาก็จัดการเรียบร้อยแล้วด้วย ” คารินพูด
“ ทำไมถึงให้พวกเรารีบกลับล่ะ ก็เห็นบอกว่าอยู่ได้จนถึงเปิดเทอมเลยนี่นา ” นิกะพูดอย่างงอนๆ
“ เขาไม่ได้บอกเหตุผล ” คารินตอบ
“ แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ แผนนี้ยังไม่สำเร็จเลยอ่ะ ” รันว่าต่อ
“ แกไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอก เรื่องแผนเดี๋ยวฉันจัดการเอง เอาเป็นว่าพวกแกจะไปก็ไปเลย ” คริสเอ่ยบ้าง
“ อ๊ะ! แล้วลินลี่ล่ะ เขาไม่ต้องกลับกับพวกเราเหลอ ” พีชค้าน
“ ไม่แม่ลินลี่ยังไม่บอกให้กลับเลย ” คารินตอบ
“ ส่วนเรื่องลินลี่ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวเจ๊จัดการไปส่งให้เองนะ พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ ” ริสมีบทบ้าง
“ ส่วนเรื่องแผน ฉันคิดว่าต้องสำเร็จนะ ถึงแม้จะไม่มีพวกแกก็เถอะ ชิชิชิ ” เบลว่าบ้าง
“ เอ่อ... ” นิกะมองด้วยสายตาเป็นห่วง
“ นี่ฉันโตแล้วนะ อย่ามาทำเป็นห่วงน่า ” ลินลี่ที่ฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นบ้าง
“ จริงด้วยนิกะ ลินลี่ดูแลตัวเองได้แล้ว ส่วนเรื่องแผนเดี๋ยวโทรศัพท์คุยกันก็ได้นี่ ” รันพูดอย่างเข้าใจในความขี้กังวลของนิกะ
“ ใช่ นิกะ เธอเองก็คงไม่อยากโดนแม่เจี๋ยนใช่มั๊ยเล่าแม่เธอเวลาโกรธใครก็เอาไม่อยู่ไม่ใช่เหลอ ” พีชพูดเป็นเชิงหยอกล้อ
“ เอ่อ...ก็ได้ ” ในที่สุดนิกะก็ยอมจนได้
“ งั้นเอาเป็นว่าเรื่องแผนเดี๋ยวฉันจะคุยกับริสเป็นการส่วนตัวนะ ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ ” คานรินพูดแล้วเดินไป “ หือ!? ทำไมแกต้องไปคุยกับริสด้วย แผนนี้มันแผนของฉันไม่ใช่เรอะ ” คริสเอ่ยถาม
“ ก็เพราะว่าเป็นแผนที่ทำขึ้นให้พวกเธอไง ถึงบอกพวกเธอไม่ได้ ไม่งั้นก็ไม่สนุกล่ะสิ ” คารินพูดพลางยิ้มอย่างมีเล่นัย “ ฮึ!! อย่าให้ฉันรู้ล่ะกัน ว่าแกมีแผนอะไรที่ไม่เข้าท่าน่ะ ” คริสพูดคาดโทษ แต่คารินก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป
“ เอาละริส เชิญทางนี้ ” คารินพูดพลางเชิญริสไปทางระเบียง
“ ฉันไม่รู้จริงๆนะ ว่าคารินเขามีแผนอะไร ยังไงก็ระวังตัวไว้ด้วยน่ะ...แต่ถึงอย่างนั้น คริส นายมั่นใจได้นะ ว่าพวกเราไม่มีทางจะทำร้ายนายหรอกนะ เพียงแต่ว่า...สิ่งที่ทำ อาจจะทำให้คิดอย่างนั้นก็เถอะนะ ” นิกะและเพื่อนๆพูดอย่างอ่อนโยน “ เออ... ” คริสตอบกลับ เขารู้สึกได้ว่า มิตรภาพระหว่างเขากับพวกของคารินได้ก้าวไปอีกขั้น เรียกว่า เกือบจะเพื่อนกันแล้ว...(ยังไม่ยอมรับอีก!!)
“ เอาเป็นว่า พวกฉันจะโทรมาหาเป็นระยะๆนะ ยังไงแผนนี้ก็ต้องสำเร็จให้ได้ ” โรสเอ่ย
“ ฮะฮาฮ่า ใช่สิ ยังไงพวกเราก็ต้องทำแผนนี้ให้สำเร็จให้ได้นะ โดยความร่วมมือกันของทุกคน ” รันพูดพลางมองทุกคน
“ อื้ม!! ” ซึ่งทุกคนก็ขานรับพร้อมกัน แต่เว้นคนที่ไร้เดียงสาสองคนไว้นะ เว้นไว้เพราะอะไรน่ะเหรอ!? ไม่ใช่ว่าเขาไม่ขานรับนะ แต่เพียงขานรับไว้ในใจเท่านั้นเอง...
“ งั้นเดี๋ยวพวกเราไปส่งนะ ” ริสพูดเสนอ
ณ สนามบิน.....
“ เอาละ ฉันต้องไปแล้วนะ ขอให้ทุกคนโชคดีนะ บาย ยยย ” คารินที่ขึ้นเครื่องบินคนสุดท้ายกล่าวลาทุกคนอีกครั้ง หลังจากที่คนอื่นๆได้กล่าวไปเรียบร้อยแล้ว
“ แล้วก็...คาน่า ดูแลตัวเองด้วยนะ ” คารินพูดพลางยิ้มไปให้คาน่า
“ อะ...อืม ” คาน่าตอบกลับอย่างงงๆ
“ นี่ เห็นบอกว่ารีบไม่ใช่เรอะ! รีบไปซะสิ ” คริสเร่ง ทำให้คารินได้แต่ยิ้มกับตัวเองบางๆ
“ อา...เอ่อ..แล้วทำไมลินลี่ถึงไม่กลับไปกับพวกนั้นล่ะ ” คาน่าเอ่ยถามลินลี่
“ ฉันจะอยู่กับคริสพวกนั้นมีธุระก็กลับไปก่อนสิไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับฉันซักหน่อย ” พูดจบลินลี่ก็เดินควงแขนคริสออกไป ทิ้งให้คาน่าค่อยๆเดินตามแผ่นหลังของลินลี่ไปอย่างเงียบๆ ส่วนริสก็ได้แต่มองด้วยแววตาสงสาร แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ณ คฤหาสน์ของคริส.....
“ นี่ๆ ริสเป็นไงบ้างล่ะ ตอนที่ไปส่งพวกนั้นที่สนามบินน่ะ ” เบลถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากที่เขาเห็นริสกลับมาแล้ว
“ จะมีอะไรได้ยังไงล่ะจ๊ะ ” ริสตอบ ทำให้เบลทำหน้าน่าเบื่อทันที ซึ่งริสได้แต่ยิ้มๆเมื่อเห็นกิริยานั้น
“ อืม...แล้วเรื่องแผนล่ะ คารินเขาบอกเรื่องอะไรล่ะ ” เบลเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“ เรื่องนี้บอกไม่ได้นะจ๊ะ ” ริสพูดพลางยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก
“ เฮอะ!! ความลับเยอะกันเหลือเกิน ริสใจร้าย ไม่ยอมบอกแผนให้เค้ารู้เลย ” เบลพูดลพูดพลางทำหน้าบึ้ง
“ ก็มันเป็นความลับนี่จ๊ะ! เอ...ว่าแต่ตอนนี้ถึงเวลาสมควรแล้ว เบลจังช่วยไปเรียกคริส คาน่าแล้วก็ลินลี่มาด้วยสิจ๊ะ ที่ห้องโถงน่ะ บอกว่าเจ๊มีเรื่องจะแจ้งน่ะ เกี่ยวกับแผนที่ คารินบอก ” ริสพูด
“ อ่า...ทำไมคริสกับพวกนั้นถึงได้รู้ล่ะ แล้วยังรวมคาน่าอีก ทำไมฉันถึงรู้ไม่ได้ล่ะ ” เบลพูดพลางทำปากจู๋ๆ
“ อ้อ...เรื่องที่จะแจ้งนี่รวมเบลด้วยนะจ๊ะ ” ริสพูดเสริม
“ อ๋อ ได้สิ รอแป๊บนะ เดี๋ยวฉันไปเรียกให้ ” เบลพูดพลางเดินขึ้นบันไดไปอย่างร่าเริง
“ มาแล้วๆ ” เบลพูดอย่างร่าเริง ในขณะที่บุคคลทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของเขา มีหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ยกเว้นคาน่าที่บนหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยก็แล้วกัน
“ ริส ที่บอกว่าคารินมีแผนเนี่ย แผนอะไรงั้นเหอรอ!? ” คาน่าถามด้วยความสงสัยใคร่อยากหาคำตอบ แต่คนที่ฟังทุกคนยกเว้นเบล กลับต้องตกใจกับคำพูดที่ออกมาจากปากของคาน่า
“ อะ...ใครบอกคาน่าเหรอจ๊ะว่าคารินเขามีแผนน่ะ ” ริสถามอย่างหวั่นๆ
“ ห๊ะ! แล้วแกไม่ได้บอกให้เบลมันมาบอกฉันเหรอ!? ” คาน่าถามด้วยน้ำเสียงที่เพิ่มความสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม และนั่นก็ทำให้ทุกคนถึงกับหันหน้าไปส่งสายตาอาฆาตให้เบลอย่างรุนแรงทีเดียว ทำเอาเจ้าตัวหน้าซีดไปเลย โดนเฉพาะคริสที่มองเขาอย่างดุดันมากกว่าที่เคยเห็นอยู่
“ กะ..ก็...อ๋อ...ใช่จ๊ะ คือ...คารินเขามีแผนให้พวกเรารวมทั้งลินลี่ไปพักผ่อนกันน่ะจ๊ะ ” ริสพูดอย่างยิ้มๆ ในใจรู้สึกโล่งอกที่ตัวเองสามารถรอดพ้นสถานการณ์วิกฤตยิ่งกว่า ต้มยำกุ้งนี้มาได้ และยังคิดอีกว่า ต้องเฉ่งไอ้ตัวพูดมากนั่นให้ได้
“ เอ๋!! ” แต่คำพูดของริสเมื่อซักครู่ก็ทำให้ทุกคนตกใจเหมือนกัน
“ ไปพักผ่อนอะไรของแก ” คริสเอ่ยถาม
“ ก็...คารินเขาเห็นว่าช่วงนี้เครียดๆกัน เขาก็เลยอยากให้พวกเราไปพักผ่อนกันน่ะคะ โดยที่เขาจัดการเรื่องที่พักและอื่นๆเรียบร้อยแล้วล่ะคะ ” ริสพูด ทำให้ทุกคนต่างเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที
“ จริงสิ! ดีจังๆ ฉันอยากไปเที่ยวพอดีเลย คารินจัดการให้แล้ว พวกเราจะได้ไม่ต้องเสียเงิน ” เบลพูดอย่างร่าเริง
“ เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยนะจ๊ะ เบล พอดีว่าคารินเขาจัดให้แค่ 4 คนเองน่ะจ๊ะ ก็มีแค่คริส คาน่า ลินลี่ แล้วก็เจ๊เองจ๊ะ ” ริสพูดพลางทำหน้าเสียดาย
“ ริส ฉันไม่ไปก็ได้ ฉันสละที่ให้พวกมันล่ะกัน ” คาน่าพูดอย่างใจดี
“ ไม่ได้นะจ๊ะคาน่า เดี๋ยวคารินจะเสียใจเอานา ” ริสพยายามกล่อม
“ มันไม่ใช่เด็กๆนี่นา จะได้มางอนเพราะไอ้เรื่องแค่นี้น่ะ แล้วอีกอย่าง พวกนี้มันก็อยากไปด้วยนี่ฉันอยากพักผ่อนอยู่ที่นี้ ” คาน่าตอบกลับ
“ หรือว่ากลัวที่จะต้องร่วมเดินทางกับพวกฉันล่ะ ” ลินลี่ที่เงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น
“ จะบ้าเรอะ! ทำไมฉันต้องกลัวด้วย ” คาน่าพูดพลางเสหน้าไปทางอื่น
“ นี่แกไม่ต้องมาทำเรื่องมากหรอกน่า!! เขาบอกให้แกไปแกก็ต้องไป ” คริสพูดบ้าง
“ อืม...” คาน่ารับคำอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ อา...งั้นก็โอเคนะจ๊ะ เดี๋ยวเราจะต้องเดินทางกันวันมะรืนนี้ ช่วยเตรียมตัวไว้ล่ะกันนะ ส่วนเบลที่อยู่ที่นี่ก็ช่วยดูแลคฤหาสน์ด้วยล่ะ หรือว่าถ้ามีอะไรก็โทรมาหาเจ๊ได้นะ ” ริสสรุป
“ หมดเรื่องแล้ว ฉันไปทำงานต่อล่ะ ” คริสพูดจบก็ลุกออกจากเก้าอี้ไป ตามด้วยลินลี่ที่เดินออกไปข้างนอกเพื่อไปเดินเล่น
“ นี่ๆ ริส คาริน มันมีแผนอะไรอีกรึเปล่าล่ะ ท่าทางไม่น่าไว้วางใจเลย ” หลังจากที่บุคคลทั้งสองได้เดินออกไปเมื่อครู่แล้ว คาน่าก็เอ่ยถามทันที
“ อ๋อ ไม่มีหรอกจ๊ะ ” ริสพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจสุดๆ
“ เห!? แล้วแกแน่ใจได้ยังไง ” คาน่ายังคงไม่หายสงสัย
“ อ้าว! คาน่าไม่รู้หรอกเหรอจ๊ะ ว่าพวกเรากับพวกคารินน่ะ เป็นเพื่อนกันแล้วน้า ” ริสพยายามเข้นหาคำพูดที่ดีที่สุดมาตอบ
“ ห๊ะ! ตั้งแต่เมื่อไรกัน ”
“ อันนี้เจ๊ไม่ทราบหรอกจ๊ะ รู้แต่ว่าพวกเขาไว้ใจได้จ๊ะ ” ริสตอบไปอย่างข้างๆคูๆ
“ เออๆ ฉันถามแกแล้ว เอาเป็นว่ายังไงฉันก็ต้องระวังตัวไว้อยู่ดีล่ะ ” พูดจบคาน่าก็ลุกออกจากเก้าอี้ไปอีกคน
“ อา...ไปกันหมดแล้ว เบลจ๊ะ เจ๊มีเรื่องจะถามหน่อยน่ะ ” เมื่อเห็นว่าคาน่าเดินไปไกลแล้ว ริสก็เอ่ยถามเบลทันที ทำให้เบลเริ่มรู้แล้วล่ะ ว่าตัวเองต้องโดนดุเรื่องเมื่อกี้แน่ๆ
“ เอ่อ...” เบลเริ่มยิ้มแห้งๆ ไม่มีรอยยิ้มโรคจิตโผล่มาให้เห็นเหมือนเคย
“ คือเจ๊อยากรู้น่ะ ว่าทำไมเบลจังถึงหลุดปากบอกเรื่องแผนให้คาน่าฟังน่ะจ๊ะ” ริสคาดคั้น
“ ก็...ริสบอกว่า ให้เค้าไปบอกทุกคนว่าให้ลงมาประชุมเรื่องแผนของคารินนี่นา เค้าก็เลยบอกไปตามนั้นเอง ” เบลพูด
“ อะ...อ๋อ จริงด้วยสิ เจ๊ผิดเองล่ะ ” ริสพูดพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจในความซื่อบื้อของเบล
“ ... ”
“ เบลไปได้แล้วจ๊ะ เจ๊ไม่โกรธหรอก ” ริสพูดอย่างใจดี
“ อืม ” เบลพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินออกไปและหลังจากที่ทุกคนออกไปกันจนหมดแล้ว ริสก็ได้ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
“ เฮ้อ! มีแต่เรื่องที่ยุ่งๆ เมื่อไร่กันน้า ที่สองคู่นั้นจะเข้าใจกันสักที ” ริสได้แต่พูดกับตัวเองอย่างปลงๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา
“ ฮัลโหล คาริน~! ทางนี้เจ๊จัดการเรียบร้อยแล้ว แล้วทางโน้นล่ะ......Okแล้ว ดี แค่นี้นะ ” หลังจากวางสาย ริสก็ลอบยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที ก่อนที่จะเดินออกไปทำงานของตนดังเช่นคนอื่นๆ และยังไม่ลืมที่จะไปเตรียมกระเป๋าสำหรับการท่องเที่ยวอันแสนสนุกในวันมะรืนนี้อีกด้วย
ณ สนามบินประเทศญี่ปุ่น...
“ อืม สนามบินที่ประเทศญี่ปุ่นนี่ก็ใหญ่โตพอควรเลยนะ ” หลังจากลงจากเครื่องบิน คาน่าก็มองออกไปโดยรอบพลางเอ่ยปากชม ในขณะที่คนอื่นๆได้แต่มองดูเฉยๆเท่านั้น
“ แล้วนี่จะไปไหนต่อล่ะ!? ” คริสเอ่ยถาม
“ เดี๋ยวเราจะนั่งรถตู้ที่คารินเตรียมให้แล้วเพื่อไปโรงแรมกัน กันค่ะ ” ริสตอบพลางเดินนำทุกคนออกไปยังสถานที่รอรถ
“ แล้วกว่าจะถึงมันอีกนานมั๊ย!? ” ลินลี่เอ่ยถามบ้าง พลางโยกคอไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้
“ ก็ประมาณ2-3ชั่วโมงค่ะ ” ริสพูดอย่างร่าเริงก่อนที่จะนำทุกคนขึ้นรถไป
“ รีบไปซิ ” พอทุกคนขึ้นรถเสร็จ คริสก็ส่งคนขับรถให้รีบออกรถเลย รถแล่นออกไปด้วยความเร็วสูงตามคำสั่งของคริสทำให้ผู้ที่เฝ้ามองพวกเขาตั้งแต่อยู่ในสนามบินนั้น ได้แต่ชะเง้อคอมองตามไปได้ไม่มากนัก
“ เฮ้อ!! เป็นไปได้ด้วยดีนะ คาริน ” พีชเอ่ยขึ้น หลังเดินออกมาจากเสาต้นใหญ่ที่พวกเขาใช้แอบซ่อนจากคนกลุ่มเมื่อครู่
“ เห็นมั๊ยละ นี่เป็นเพราะฝีมือฉันทั้งนั้นเลยนา ” คารินเอ่ยเป็นเชิงอวดๆ
“ อื้ม!! แต่ตอนนี้รีบไปกันได้แล้ว ” พีชพูดพลางลากเพื่อนๆขึ้นรถที่จอดรอพวกเขาอยู่นานแล้ว
ณ โรงแรมที่ประเทศญี่ปุ่น...
“ ฮ้า!! ถึงซักที ” คาน่าลงจากรถพลางบิดขี้เกียจเต็มที่
“ โรงแรมนี้ก็ใช้ได้นี่ ” คริสพูดพลางกอดอกแล้วมองไปรอบๆ
“ จะยังไงก็ช่าง ฉันอยากไปพักผ่อนแล้ว นี่พวกนั้นคงจัดให้เราแล้วสินะถ้าอย่างนั้นก็ฉันขอตัวล่ะ ” ลินลี่พูดพลางหาวทีหนึ่งก่อนที่จะเดินตามพนักงานในโรงแรมไป
“ ท่าทางลินลี่คงเหนื่อยกับการเดินทางน่าดูเลยนะจ๊ะ ” ริสตั้งขอสังเกต
“ ฉันก็อยากพักผ่อนเหมือนกัน ” พูดจบคริสก็เดินออกไปบ้าง แต่เดินได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็หันหน้ากลับมาอีกรอบ
“ นี่!! คาน่า! ”
“ หะ หา ” คาน่าขานรับด้วยใบหน้าแดงๆ ก็เพราะว่าตั้งแต่เดินทางมา คริสไม่เคยคุยกับเขาดีๆเลยน่ะสิ!
“ แกเช็คเมล์ด้วยนะ เผื่อว่าจะมีงานด่วนเข้ามา ” พูดจบคริสก็เดินหันหลังกลับไปทันที ทิ้งให้ คาน่ายืนเอ๋อกับฝันเมื่อครู่
“ อะ อืม ” คาน่าได้ขานรับเมื่อคริสเดินออกไปไกลมากแล้ว ในสภาพที่สติหลุดลอย ทำให้ริสได้แต่มองด้วยแววตาปลงๆ เมื่อเข้ามาในห้องพักแล้ว คาน่าก็รีบทำตามที่คริสสั่งไว้ทันที นั่นก็คือการเช็คเมล์นั่นเอง ซึ่งเขาก็ได้ดูแล้ว และปรากฏว่าไม่มีงานด่วนเข้ามาแต่อย่างใด ทำให้คาน่ามีเวลานั่งฟุ้งซ่านต่อ
“ เหอะ!! ไอ้คริสบ้า แกเช็คเมล์เองไม่เป็นรึไง ” คาน่าล้มตัวลงนอนบนเตียงพลางบ่น
“ หรือว่า...ที่แกไม่เช็คเมล์เองน่ะ เป็นเพราะว่าแกจะเอาเวลาไปจู๋จี๋กับลินลี่ใช่มั๊ยเล่า!! ” คาน่าพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งงอนกึ่งเล่น
“ ว่าแต่...ทำไมคารินถึงต้องให้พวกเรามาเที่ยวด้วยล่ะ มีจุดประสงค์อะไรรึเปล่าน้า~ ” คาน่าทำหน้าสงสัยอยู่นาน จนในที่สุดเจ้าตัวก็คิดอะไรบางอย่างออก
“ จะเปิดโอกาสให้คริสกับลินลี่มาฮันนีมูนกันเหรอ!? แล้ว...แล้วทำไมฉันต้องมาด้วยเล่า จะทำให้ฉันช้ำใจตายรึไง!! ไอ้พวกบ้า! บ้าๆๆๆๆ!!!! ” น้ำเสียงที่เสียงดังของคาน่าเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นเสียงสะอื้นแทน
“ ฉันไม่อยากมาเลย ไม่อยากเห็นเลย ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเห็นแกอยู่กับคนอื่นเลย คริสไอ้บ้า! แกไม่รักฉัน ฉันก็เจ็บมากพอแล้วทำไมแกต้องมารักคนอื่นต่อหน้าฉันด้วย อย่าให้ฉันช้ำตายรึไงอยากให้ฉันเจ็บใจจบตายเลยใช่มั้ยไอ่บ้า ไอ่โรคจิต ” คาน่าว่าพลางเอามือทุบหมอน ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มหมดแรงและผล็อยหลับไป “ คาน่าจ๊ะ คาน่า คาน่า... ” ริสเรียกพลางเขย่าตัวคาน่าเบาๆ
“ อะ อืม งือ ” คาน่าเอามือขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาในสภาพงัวเงียๆ
“ มีอะไรงั้นเหรอ!? แล้วนี่เข้ามาได้ยังไงเนี่ย!? ” หลังจากที่คาน่าเริ่มหายจากอาการงัวเงียแล้ว เขาก็เอ่ยถามริสทันที
“ ก็คาน่าจังไม่ได้ล็อกประตูห้องน่ะสิ เจ๊เลยเข้ามาได้น่ะ เจ๊ว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ ” ริสพูดพลางพยุงตัวคนเพิ่งตื่นไปล้างหน้า
“ แล้วทำไมไม่ไปกินกันก่อนล่ะ อยู่ข้างล่างโรงแรมเองไม่ใช่เรอะ ”
“ ไม่ใช่จ๊ะ คือเราจะไปหาอะไรกินกันข้างนอกน่ะจ๊ะ ” ริสพูดพลางยิ้มแก้มปริ
“ เห!? ที่ข้างนอกมันมีอะไรกินงั้นเหรอนอกจากยางมะตอยของถนนกับอากาศน่ะ ” คาน่าถามอย่างงงๆ
“ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ๊ะ คือเราจะไปกินอาหารกันข้างๆถนนกันน่ะ ”
“ ข้างถนน!? พวกเราเนี่ยนะ!? ” คาน่าพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยมากกว่าเดิม
“ ใช่จ๊ะ คนเขาไปกินกันออกเยอะแยะนา ” ริสเริ่มหว่านล้อม
“ เออๆ สำหรับฉันยังไงก็ได้ แล้วคริสกับลินลี่ล่ะ พวกนั้นจะไปรึเปล่า!? ” คาน่าเป็นฝ่ายเอ่ยถามบ้าง
“ ไปสิจ๊ะ พวกนั้นบอกว่า นานๆทีได้เปลี่ยนอากาศบ้างน่ะ ”
“ อืมๆ ไหนๆก็พูดอย่างนั้นแล้วนี่นะ ไปก็ไป นี่ตอนนี้ฉันแต่งตัวเสร็จแล้วนะ แล้วพวกนั้นล่ะ ”
“ พวกนั้นรอคาน่าจังคนเดียวนี่ล่ะจ๊ะ ” ริสพูดอย่างยิ้มๆ ในขณะที่คาน่าเริ่มปากซีดมือสั่นรู้ถึงชะตาตัวเองแล้ว
“ ไปกันเถอะจ๊ะ ” ริสพูดพลางเดินนำออกไปจากห้อง ส่วนคาน่าก็ค่อนเดินตามไป
“ ลงมาได้สักทีนะ นึกว่าจะต้องให้ฉันไปปลุกแกเองถึงห้องซะอีก ” เมื่อคาน่าเดินลงมาคริสก็พูดจาเหน็บแหนมเข้าให้
“ เออๆ โทษทีๆ ” คาน่าแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางของคริส
“ เอาล่ะจ๊ะ ในเมื่อมาครบกันแล้ว เราก็ไปกันเถอะจ๊ะ ” ริสพูดพลางเดินนำทุกคนไปยังรถที่จอดรอพวกเขาไว้
เมื่อพวกคริสมาถึงถนน แล้ว พวกเขาจึงช่วยกันหาร้านอาหารที่น่าจะอร่อยๆกินกัน จนที่สุด...พวกเขาก็เจอกันจนได้ ร้านที่พวกเขาเลือกที่จะกินนั้นไม่ใช่ร้านอาหารหรูๆอย่างที่พวกเขามักจะไปกินประจำในอิตาลี แต่เป็นร้านอาหารที่มีเพียงโต๊ะเหล็กที่พับได้ เก้าอี้พลาสติกสีฟ้าที่เริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว และกระจาดสีแดงที่มีแก้วใส่เครื่องปรุงสารพัดตั้งอยู่ที่กลางโต๊ะ
“ ริส!! นี่แกหาร้านดีๆได้แค่นี้เองเรอะ!! ” คริสถามเสียงเข้ม
“ เอ่อ...แหม... คริสบอกเองไม่ใช่เหรอค่ะว่าอยากเปลี่ยนอากาศบ้าง เจ๊เลยพามาที่ร้านนี้ไงล่ะค่ะ ” ริสพูดพลางปาดเหงื่อ
“ เหอะ!! ก็ฉันคิดไม่ถึงน่ะสิว่าจะมีแบบนี้ด้วย ” คริสว่าพลางมองไปรอบๆแบบปลงๆ
“ เอาน่า ลองเปลี่ยนดูบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา ” คาน่าออกความเห็นบ้าง
“ ฉันจะกินร้านนี้ ไม่ต้องมาเรื่องมากหรอกน่า!! ” ลินลี่ที่ทนฟังไม่ไหว พูดตัดรำคาญ
“ ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะเปลี่ยนร้านนี่ ร้านนี้ก็ร้านนี้ว่ะ! ” คริสสรุป
“ งั้นก็โอเคนะจ๊ะ ก็...ร้านนี้เป็นร้านราเม็ง จะมีอาหารพวกเส้น ” ริสแนะนำ
“ ไม่ต้องสาธยายหรอก ไปบอกให้พวกนั้นไปเอาเมนูมาจะง่ายกว่ามั๊ย!? ” คาน่าแนะ
“ เอ่อ...คงไม่ได้หรอก ร้านนี้ไม่มีเมนูน่ะ ” ริสพูดพลางยิ้มแห้งๆ
“ หา!! จะบ้าเรอะ ร้านอาหารอะไรไม่มีเมนูน่ะ ” คาน่าโวยวายทันที และนั่นก็ทำให้คนในร้านหันมามองกันพรึ่บด้วยความงึนงงเพราะภาษาที่พูดกันคือภาษาอิตาลี ส่วนคนที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ก็มีแค่ลินลี่และริสเท่านั้น
“ ร้านอาหารแบบนี้ล่ะค่ะที่ไม่มีเมนู เพราะไม่ใช่ร้านอาหารใหญ่ เลยไม่จำเป็นต้องใช้เมนูน่ะ ” ริสชี้แจง
“ เฮ้อ!! แล้วนี่ตกลงจะได้กินมั๊ยเนี่ย!? ” ลินลี่พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย
“ ได้กินแน่ เดี๋ยวฉันส่งอาหารให้เลยละกันนะ ” ริสพูดตัดปัญหา
“ เอาเถอะ!! สั่งอะไรมาก็ได้ล่ะกัน ที่มันกินได้น่ะ ” คาน่าบอก เพราะว่าตอนนี้ท้องเขาเริ่มประท้วงแล้ว
“ เออ สั่งมาเถอะ อาหารที่แกคิดว่าอร่อยน่ะ ” คริสเอ่ยเป็นเชิงว่าเห็นด้วยกับคำพูดของคาน่าเมื่อครู่
“ เอ่อ...เอาอะไรก็ได้สิน่ะ ” ริสสรุป ก่อนที่จะหันหน้าไปเรียกพนักงานในร้าน
“ ขอราเม็ง 4 ชามค่ะ ” ริสบอก
“ เออนี่ ทำไมถึงได้มีไอ้แบบนั่นขายกันอยู่เกลื่อนล่ะ ที่อิตาลีไม่เห็นจะมีเลย ” คาน่าพูดพลางชี้นิ้วไปทางร้านที่ขายดอกไม้ไฟสีสันหลากหลาย
“ อ๋อ!! นั่นเขาเรียกว่า ‘ดอกไม้ไฟ’ จ๊ะ พรุ่งนี้เป็นวันเทศกาลดอกไม้ไฟพอดี เขาเลยมีขายกันน่ะเอาไว้ให้สร้างความทรงจำในช่วงหน้าร้อนไง ” ริสอธิบาย
“ แล้วไอ้นั้นละ ” คาน่ายังถามต่อแล้วชี้นิ้วไปที่ร้านขายชุดยูคาตะ
“ อ๋อ!! นั่นเขาเรียกว่า ‘ชุดยูคาตะ’ จ๊ะ เอาไว้ใส่ในวันเทศกาลดอกไม้ไฟพอดี น่ะ ” ริสอธิบาย
“ อ๋อ อืม ” คาน่าพยักหน้าเข้าใจทันที ทำให้ริสโล่งอกขึ้นมาเยอะ ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาตอบคำถามอะไรที่ยืดยาวขนาดนี้ กับแค่วันเทศกาลดอกไม้ไฟนี่นะ!
“ ในเมื่อพรุ่งนี้เป็นวันเทศกาลดอกไม้ไฟ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอจะไปเที่ยวเทศกาลนี้รึเปล่าล่ะ ” ริสเอ่ยชวน
“ ฉันจะไปนะ ลินลี่เธอไปด้วยสิ ” คริสพูดพลางเอ่ยชวนคนข้างๆ เพราะรู้ว่าลินลี่เป็นพวกไม่ชอบที่ๆมีคนเยอะ ทำให้คาน่าเผลอคิดแว่บนึงว่า ที่กับเขาล่ะอารมณ์เสียได้ทั้งวัน แต่กับลินลี่นี่ใจดีเป็นบ้าเลยนะ เฮอะ!! อิจฉา!!!
“ อืม ไหนๆเราก็มาที่นี่เพื่อพักผ่อน ก็เที่ยวสิ! ” ลินลี่พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ อาหารที่สั่งได้แล้วครับ~! ” เป็นเวลาพอดีที่อาหารท่าทางจะโอชะมาพอดี ทำให้ คริสและคาน่า เริ่มจะใจจดใจจ่อกับอาหารมื้อแรกในประเทศญี่ปุ่น ยกเว้น...ลินลี่และริสเอาไว้ล่ะกัน ก็เธอเป็นคนญี่ปุ่นนี่นา
ทุกคนลงมือรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ยกเว้น...คาน่าที่ควันออกปากทำเหมือนเพิ่งกลับมาจากขั้วโลกเหนือยังไงยังงั้น ทำให้คริสอดเหน็บแหนมไม่ได้
“ อะไรกันคาน่า แค่นี้เผ็ดเรอะ แกนี่มันอ่อนแอจังนะ ”
“ ซี๊ด~ ก็มันเผ็ดนี่หว่า ไอ่สีเขียวๆเนี้ย ” พูดจบเขาก็กระดกน้ำอีก
“ นั้นมัน วาซาบิ แล้วใครบอกให้แก่กิน” ลินลี่ที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้น
“ ก็เห็นคนอื่นเค้ากินกัน แล้วไอ่วาซาบิเนี้ย คือมันอะไร ” คาน่ายังสงสัยไม่หาย
“ วาซาบิก็คือซอสของญี่ปุ่นก็เหมือนกับพวกซอสมะเขือเทศไง ” ลินลี่อธิบายจนคาน่าหายสงสัย
“ อ๋อ ”
“ อ่ะ กินเถอะ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วเราจะไปเลือกซื้อดอกไม้ไฟกับชุดยูคาตะที่ใช้เที่ยววันพรุ่งนี้กันคิดถึงจังเลยนะไม่ได้ใสมาหลายปีแล้วเหมือนกัน ” ริสพูดบ้าง
หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเลือกซื้อดอกไม้ไฟสวยๆและชุดยูคาตะไปในเทศกาลดอกไม้ไฟซึ่งก็คือวันพรุ่งนี้นี่เอง พวกเขาเดินไปยังร้านขายดอกไม้ไฟร้านใหญ่ร้านหนึ่งที่มีชุดยูคาตะขายด้วย ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายแบบมากมาย
“ คาน่าจ๊ะ คิดว่าชุดนี้เหมาะกับเจ๊มั๊ยจ๊ะ ” ริสพูดพลางเอาชุดยูคาตะมาแนบกับตัว
“ เอ่อ...ก็ดี...มั้ง ” คาน่าพูดพร้อมกับแววตาระอานิดหน่อยเพราะชุดนั้นเป็นชุดสีแดงแป้ดทีใครเห็นก็ต้องอึ้ง
“ แหม ดีเฉยๆไม่ต้องมี ‘มั้ง’ ก็ได้นะจ๊ะ ” ริสพูดพลางทำปากจู๋ๆ ก่อนที่จะเดินไปเลือกดูพัดที่เข้ากับชุดต่อไป
ส่วนคาน่า เขารู้สึกสนใจพัดอันหนึ่งที่อยู่ตรงมุมร้าน ซึ่งมันอยู่คนละฟากกับที่เขายืนอยู่ ทำให้เขาต้องเดินอ้อมเพื่อไปหยิบมัน แต่กลับมีใครบางคนหยิบไปก่อนน่ะสิ...
“ เฮ้ย!! คริสพัดอันนี้ฉันเล็งไว้แล้วนะเฟ้ย แกอย่ามาแย่งสิ!! ” คาน่าพูดพลางดึงพัดรูปดอกไม้ไฟออกมาจากมือคริส แต่มีหรือที่คริสจะยอม
“ ฉันจับได้ก่อน ดังนั้นมันต้องเป็นของฉัน!! ” คริสก็ไม่ยอมเช่นกัน
“ แต่ฉันเห็นก่อน!! ” คาน่าเถียงกลับอย่างไม่กลัว
“ ใครจะเห็นก่อนไม่สำคัญ! แต่ที่สำคัญคือฉันต้องการพัดนี้ ”
“ ...! ” คาน่าเริ่มไม่ใช้ปากเถียง แต่เถียงด้วยแววตาแทน
“ แกไปหาอันอื่นไป๊!! อันนี้ของฉัน ” คริสเริ่มใจเย็นลงแล้ว จึงพูดกับคาน่าดีขึ้นมาอีกนิด(ๆๆๆ)หน่อย
“ แต่ที่ฉันเห็น มันมีลายนี้ สีนี้แค่อันนี้อันเดียวเองนี่นา ”
“ ก็ช่างแกสิ แกก็ไปหาลายอื่นไป ” คริสพูดแบบไม่สนใจ ทำให้คาน่าเริ้มปลง และคิดว่าตนคงไม่มีโอกาสได้พัดดังกล่าวแน่ๆ
“ ไอ้คริสเห็นแก่ตัว นิสัยไม่ดี ชอบเอาเปรียบคนอื่น บลาๆ... ” คาน่าที่หาพัดไปพลางบ่นพลางหลังจากที่ซื้อของอยู่นานพอสมควร คาน่าก็เจอของที่(น่า)จะถูกใจซักที เขาจะเอื้อมมือไปหยิบมัน แต่ทว่า..
“ ตุ้บ!! ” เขาทำพัดข้างๆตกไปก่อน ทำให้เขาต้องก้มลงไปเก็บมัน และ...
“ พลั่ก!! ” หัวของคาน่ากระทบเข้ากับอะไรแข็งๆอย่างแรง เขาเงยหน้าขึ้นมามอง และพบกับผู้ชายหัวสีทองตัวสูงๆกำลังยืนก้มหน้าลูบหัวตัวเองป้อยๆอยู่ ดังนั้นคาน่าจึงเตรียมที่จะด่าคนตรงหน้านั้นทันที แต่ไม่ทันได้อ้าปากว่า เขาก็ต้องเป็นฝ่ายตกใจเองซะก่อน
“ เฮ้ย!! ริออน ” คาน่าอุทานพลางถลึงตามองอย่างไม่น่าเชื่อ
“ หะ...อะ...อ้าว เธอเองเหรอ คาน่า ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้น่ะ ” ริออนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ ฉันสิ ต้องถามแกมากกว่า ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย!? ”
“ นิกะแนะนำที่เที่ยวมาน่ะ ฉันก็เลยลองมาเที่ยวดู ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะได้พบเธอที่นี่ด้วย ” ริออนพูดพลางยิ้มด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“ มีอะไร !! ” เป็นเวลาเดียวกับที่คริสเดินมาพอดีเพราะได้ยินเสียงดังๆของคาน่าเมื่อครู่และหลังจากที่ได้เห็นริออนยืนอยู่ด้วยแล้ว เขาก็มีสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที
“ ริออน!? ” ลินลี่เองก็พูดชื่อคนตรงหน้าออกมาด้วยความรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
“ อ้าว!? สวัสดีทุกคน ไม่นึกเลยนะว่าจะได้เจอกันที่นี่ ” ริออนพูดพลางยิ้มแย้มตามประสา
“ จ๊ะ เจ๊ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ” ริสเดินเข้ามาสบทบ
“ แล้วนี่พวกนายจะกลับกันรึยังน่ะ หรือจะไปเดินเล่นต่อ!? ” ริออนถาม
“ จะเดินเล่นต่อ ” คริสตอบเสียงห้วนๆ
“ งั้นฉันขอเดินด้วยนะ ” ริออนพูดทันทีและนั่นก็ทำให้คริสไม่พอใจโดยไม่ทราบสาเหตุขึ้นมาทันทีเขาจะบอกปฏิเสธไปแต่ว่า
“ ได้สิ เดินหลายคนสนุกดี ” คาน่ารีบตอบทันควัน พร้อมกับยิ้มอย่างใสซื่อ
“ ขอบใจนะ คาน่า ” ริออนพูดอย่างยิ้มแย้ม
“ แล้วเธอล่ะ ลินลี่ ให้ฉันเดินด้วยได้มั๊ย!? ” ริออนแสร้งถาม ทั้งๆที่เขารู้อยู่แก่ใจแล้วว่า ถึงลินลี่จะยอมหรือไม่ เขาก็จะเดินไปด้วยอยู่ดี
“ ถึงฉันจะยอมหรือไม่ แกก็ต้องไปให้ได้อยู่แล้วไม่ใช่เรอะ!! ” ลินลี่พูดอย่างรู้ไต๋ริออนดีเหลือเกิน
“ ฮาฮ่าฮ่า เธอนี่เก่งจังนะ สมแล้วที่เป็น ‘คนของฉัน’ ” ริออนพูดพลางลูบหัวลินลี่ แต่มีรึที่ลินลี่จะยอม เขาปัดมือนั้นออกทันที
“ แหมๆ จับนิดๆหน่อยๆเองนา ” ริออนพูดยิ้มๆ
“ แล้วโรมาริโอ้ล่ะค่ะ ไม่ได้มาด้วยกันหรอกเหรอ!? ” ริสเอ่ยถามบ้างด้วยความสงสัยเพราะโรมาริโอ้เป็นคนสนิดของริออนที่จะตามไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด
“ ฉันขอมาเดินเล่นคนเดียวน่ะ แต่เดี๋ยวพอจะกลับก็โทรเรียกโรมาริโอ้มาอีกทีน่ะ ” ริออนตอบ
“ แก มัวมายืนเอ๋ออยู่ได้ แกเลือกพัดกับชุดได้แล้วเรอะ!? ” คริสพูดกับคาน่า
“ อ้าว!? ลืมไปเลยแฮะ ” คาน่ารีบหันหลังกลับไปยังแผงลอย ก่อนที่จะเลือกพัดกับชุดมาส่งๆ ก่อนที่จะจ่ายเงิน
“ แล้วแกล่ะ ไอ้ริออนงี่เง่า เห็นมองแต่คนอื่น พรุ่งนี้มีเทศกาลดอกไม้ไฟกันกัน แกจะไม่ไปเรอะ!! ทำไมไม่ซื้อชุดล่ะ! ” ลินลี่ถามริออนที่ได้แต่ยืนมองคาน่าอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้อย่างเห็นได้ชัด
“ ฉันรู้หรอกน่า ฉันเลยซื้อมาแล้วไง ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว...ว่าแต่...ที่ลินลี่พูดแบบนิ้เธอจะชวนฉันไปด้วยเหรอ!? ” ริออนถามหยอกล้อ
“ เฮอะ!! แล้วแต่แกจะคิด ” ปากก็พูดเย็นชาไปแบบนั้น แต่ในใจกลับเต้นระรัวซะนี่
“ เอ่อ...ว่าแต่ ริออนพักที่ไหนเหรอคะ!? ” ริสถาม
“ พักที่โรงแรม Century Southern Tower Hotel น่ะ ” ริออนตอบ และคำตอบนั่นยิ่งทำให้หลายๆคนประหลาดใจในความเหมาะเจาะขนาดนี้ ยกเว้น...ริส
“ แหม อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้นเน๊อะ ” ริสพูดพลางยิ้ม
“ ฉันว่ามันไม่เหมาะเจาะขนาดนั้นหรอก สงสัยพวกคารินแน่ๆ ไอ้พวกนั่น!! ” คริสเอ่ย แต่ไม่มีความโกรธแค้นแต่อย่างใด
“ ก็คงเป็นเพราะพวกเขาขี้เกียจหาโรงแรมหลายที่นี่จ๊ะ ก็เลยให้มาพักที่เดียวกัน ” ริสรีบแก้ตัวแทน
“ เอาเถอะ!! จะยังไงก็ช่าง! ถึงจะพักโรงแรมเดียวกันก็ใช่ว่าจะเกี่ยวกันนี่ ” คริสสรุปด้วยน้ำเสียงคล้ายๆจะไม่สนใจ แต่ความจริงแล้วในใจกลับโกรธริออนตะหงิดๆด้วยสาเหตุอะไรเจ้าตัวเองก็ไม่ทราบเช่นกัน “ อะ จ๊ะ ” ริสขานรับเหนื่อยๆ “ คาริน คริสเริ่มสงสัยพวกเราแล้วนะ ” นิกะที่ยืนพิงกำแพงแอบดูกลุ่มบุคคลเหล่าได้ได้เอ่ยขึ้นเพื่อถามคาริน
“ ถึงเขาจะสงสัยพวกเราก็ไม่เป็นอะไรนี่ บางทีเขาอาจจะคิดว่าเราคงทำได้แค่ให้ ริออนมาพักที่เดียวกันกับพวกเขาก็แค่นั้นเอง แล้วต่อไปก็ไม่มีอะไรแล้วใช่มั๊ยล่ะ!? พวกเขาคงคาดไม่ถึงหรอกนะว่าพวกเราจะตามติดพวกเขาทุกฝีก้าวขนาดนื้ ” คารินตอบพลางยิ้มอย่างชอบใจ
“ แต่ถ้าเขารู้ เราคงโดนเละเลยนะ โดยเฉพาะคริสน่ะ ” นิกะพูดอย่างหวั่นๆ
“ ถ้าเขารู้หลังเรื่องนี้จบ เขาก็ควรจะขอบคุณเรามากกว่านะ แต่ว่า...ถ้าเขารู้ตอนนี้ล่ะก็ เราก็ต้องเผ่นก่อนน่ะสิ ”
“ อึ่ย!! อย่างนั้นก็น่ากลัวน่ะสิ ขอร้องเถอะ อย่างให้คริสรู้ตอนนี้เลย ” นิกะพูดพลางมองไปบนท้องฟ้า และยกมือไห้ว
“ ฉันก็ภาวนาให้เป็นเช่นนั้น ” พูดจบคารินก็หันไปจับตามองพวกนั้นอีกครา พลางถอนหายใจออกมาอย่างปลง
“ นี่ๆ ร้านนั้นน่าสนใจดีนะ ” หลังจากที่พวกเขาเลือกซื้อของกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินเล่นกันต่อเรื่อยๆ จนในที่สุดคาน่าก็เกิดสนใจร้านที่ขายของจำพวกตุ๊กตากระเบื้องเคลือบร้านหนึ่งจนได้
“ อืม ไปสิจ๊ะ เจ๊ก็ไม่ได้เห็นของอะไรพวกนี้มานานนะ ” ริสออกความเห็น ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย จึงพากันเดินไปยังร้านดังกล่าว หลังจากที่เลือกดูของกันหลายอย่าง ลินลี่ ก็เอ่ยขึ้น
“ ตุ๊กตาคู่รัก!? ” ลินลี่พูดพลาง เอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตากระเบื้องสูงประมาณ 5 เซนติเมตรที่มีลักษณะเป็นรูปคนสองคนกำลังกอดกันอยู่ เป็นเพียงตุ๊กตาที่มีรูปร่างคล้ายคุกกี้รูปคนก็เท่านั้น เพียงแต่มันมีสีสันคือมีตัวหนึ่งสีเหลืองและอีกตัวสีชมพู
“ ตัวละเท่าไรเหรอ!? ” ลินลี่พูดพลางพลิกตุ๊กตาตัวนั้นไปมาอย่างสนใจมากเป็นพิเศษ
“ เอ่อ...ลินลี่สนใจเหรอ ” ริสพูดอย่างยิ้มๆ ในขณะที่ลินลี่ก็หน้าแดงนิดหน่อยจากความเขินอายหลังจากที่ตนพูดประโยคเมื่อครู่ไป
“ ฉันจะสนหรือไม่สนมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอนี่ ” ลินลี่พูดพลางเสหน้าไปทางอื่น
“ ตุ๊กตาคู่นี้ขายเป็นคู่ คู่ละ 150 เยนค่ะ ” แม่ค้าตอบ “ อืม ” ลินลี่รับคำแล้วคิดเงิน
“ อืม...ไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ยว่าลินลี่จะชอบของอะไรแบบนี้น่ะ ” ริออนเดินมาจากข้างหลังลินลี่พลางเอ่ยพูดกับคนตรงหน้า
“ ฉันจะชอบอะไรมันก็เรื่องของฉันน่า ” พูดจบลินลี่ก็ทำท่าทีจะเดินไปทางอื่นแต่ริออนกลับฉุดแขนของเขาไว้
“ ขอคุยเป็นการส่วนตัวหน่อยนะ ลินลี่ ” ริออนปั้นหน้าซีเรียสขึ้นมาทันทีก่อนที่เขาจะดึงลินลี่ออกไปจากร้านริออนพาลินลี่มาคุยที่ซอยมืดๆร้างผู้คนซอยหนึ่งซึ่งห่างจากร้านขายตุ๊กตากระเบื้องเคลือบไม่มากนัก
“ ลินลี่ ทำไมเธอถึงยังไม่เลิกยุ่งกับคริสอีกล่ะทั้งๆที่ฉันได้เตือนเธอเอาไว้มากมายขนาดนั้นแล้วแท้ๆ แต่เธอก็ยังไปยุ้งกับมันอีกเธอไม่รู้จักเข็ดเลยใช่มั้ย ” ริออนเริ่มเปิดประเด็นคำถามแรกด้วยท่าทางจริงจัง
“ ทำไมฉันต้องเลิกยุ่งกับคริสด้วยล่ะ เพราะในเมื่อฉันกับคริสเป็นคนรักกันน่ะ คนรักกันก็ต้องอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องธรรมดาใครจะมาขวางไม่ได้ ” ลินลี่ตอบออกมาอย่างกวนๆ
“ ทำไมน่ะเหรอ!? ก็เพราะว่าเธอทำกำลังทำร้ายจิตใจคาน่าอยู่น่ะสิ! เธอก็รู้ว่าคาน่ารักคริสแต่เธอก็แย่งคริสมาจากคาน่า!! เธอรู้มั้ยว่าคาน่าเจ็บป่วดมากแค่ไหน ” ริออนพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ทำให้ลินลี่ชะงักไปสักครู่
“ ทำไมล่ะ!? การที่รักใครสักคนมันผิดมากเลยเหรอ!? ฉันก็แค่รักคนที่เค้ารักฉัน และฉันก็รักเค้า มันก็แค่นันเอง ทำไม หรืออย่าให้ฉันจมปลักอยู่กับความเศ้ราที่รักใครคนหนึ่งแต่เค้าไม่รักเราละ ” ลินลี่พูดพลางจ้องริออนด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ริออนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมา
“ การที่รักใครสักคนมันไม่ผิดหรอก แต่ผิดที่คนที่เธอรักเป็นคนที่คาน่ารักน่ะสิ!!!และยังไงต่อล่ะ!?คริสเลือกเธอจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ!? ก็คาน่าต้องเจ็บอีกน่ะสิ ทั้งๆที่เขามาก่อนเธอ แต่เธอกลับแย่งคริสไป!!เธอไม่รู้สึกระอายบ้างเหลอที่แย่งคนรักของคนอื่นไปต่อหน้าต่อตานะ ” ริออนพูดพลางดึงแขนของลินลี่อย่างเหลืออด
“ ... ” ลินลี่เสหน้าออกไปทางอื่นและไม่พูดอะไรออกมาทั้งสิ้น
“ เธอเคยบอกว่า เธอรักฉัน แต่ตอนนี้เธอกลับคำไปบอกว่าเธอรักคริสซะได้เนี่ยนะมันผิดกันนะ ที่รักของฉัน ” ริออนพูดพลางบีบแขนลินลี่ไว้แน่นขึ้น
“ ... ” เมื่อเห็นลินลี่นิ่งเฉย ริออนยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้น
“ เธอน่ะ มันเป็นคนหลายใจ ทั้งๆที่กอดกับฉัน แต่กลับไปควงกับคนอื่นซะได้...หึ!...เธอมันแพศยาชัดๆ!!! มีแค่ฉันคนเดียวมันไม่พอใช่มั้ย ” พูดจบริออนก็สะบัดแขนลินลี่อย่างแรง ทำให้ลินลี่ต้องเซล้มลงไป
“ ... ” ลินลี่ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร จะมีก็แต่น้ำใสๆที่ร่วงหล่นมาจากดวงตาคู่สวยนั่น
“ ... ” ริออนเห็นใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตานั้น เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกจากที่นั้นไป แต่ทว่ามีเสียงของเล็กที่เอ่ยขึ้นอย่างเบาแสนเบาเรียกเขาก่อน
“ ริออน...แกน่ะ...รักคาน่ามากเลยเหรอ!? ” ลินลี่พูดแบบไม่ได้เงยขึ้นมามองหน้าริออนแต่อย่างใด เขาเพียงแต่พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้นซีเมนต์นั้น
“ ใช่ ฉันรักคาน่ามาก และจะไม่มีวันยกโทษให้กับคนที่ทำร้ายคาน่าเด็ดขาด ” ริออนพูดพลางเดินกลับมา และจ้องหน้าลินลี่ด้วยแววตาเย้ยยัน
“ แล้วฉันไปทำอะไรให้คาน่าของแก!! ทำไมแกถึงต้องมาทำร้ายฉันแบบนี้ด้วยฉันเจ็บ ฉันปวด ฉันเสียใจ ฉันทรมาน ริออน...ฉันน่ะ ก็เจ็บไม่น้อยไปกว่าคาน่าหรอกน่ะที่เห็นคนที่ตัวรัก ไปรักคนอื่นมันเจ็บมากเลยนะรู้มั้ย มันไม่ได้เจ็บที่ร่างกายนะ แต่มันเจ็บที่หัวใจเจ็บมาก มากถึงขนาดยอมตายซะจะยังดีกว่าที่จะมาเห็นคนที่เรารักไปรักคนอื่นมันทรมานนะ มันอาจเป็นความรู้สึกที่คนอยางนายไม่เคยมี แต่ฉันรู้สึกตลอดเลยละ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ” ลินลี่พูดทั้งน้ำตา ก่อนที่เขาจะก้มหน้าแล้วเดินออกไป ทิ้งให้ริออนตกใจกับการระทำของเขาเมื่อครู่
ผ่านไป 3 วินาที เขาเอามือของตนเองขึ้นมากุมที่หัวใจ
“ ทำไมถึงเจ็บแปลบขนาดนี้นะ...แค่โดนลินลี่ตัดพ้อแค่นี้เอง...แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าหัวใจโดนมีดกรีดเลยล่ะ...ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้นแท้ๆ...ทั้งที่คนที่จะทำให้เราเจ็บหัวใจได้มีเพียงคนเดียว...นั่นก็คือคาน่า...แต่ทำไมล่ะ...ทำให้ถึงเจ็บหัวใจจากการระทำของลินลี่เมื่อครู่นี้ด้วยนะ ทำไมแค่เห็นน้ำตาก็อยากเข้าไปปลอบ ทำไมแค่เห็นเธอเจ็บก็อยากเจ็บแทน ” เขาคิดอย่างสับสน
“ บ้าจริง ” เขาพูดออกมาด้วยแววตาที่สับสนอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะเดินจากซอยนี้ไปยังทางที่มีทิศทางตรงข้ามกับทางที่ลินลี่เดินไปเมื่อครู่
“ เอ๋!? แล้วลินลี่ไปไหนแล้วนี่ เลือกของเสร็จแล้วก็หายวับไปเลยเหรอ!? ” คาน่าที่ไม่เห็นลินลี่อยู่ที่ร้านแห่งนี้ก็เกิดสงสัยขึ้น เลยเอ่ยถามคริส
“ คงออกไปเดินเล่นมั้ง ก็รู้อยู่นี่ว่าลินลี่ไม่ชอบอยู่ที่แคบๆน่ะ อยู่แต่ที่ร้านนี้ก็คงเบื่อแล้วล่ะ ” คริสพูดอย่างไม่สนใจมากนัก
“ แล้วนี่นายทำไมไม่ไปเดินเล่นกับลินลี่ด้วยล่ะ เป็นคู่รักกันไม่ใช่เรอะ! ” คาน่าถาม อย่างเหน็บแหนม แต่ในใจกลับรู้สึกดี
“ เป็นคนรักก็ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันนี่ ” คริสตอบแบบเหน็บๆพอกัน และคำตอบคำตอบนี้ทำไมคาน่าเริ่มรู้สึกว่า สองคนนี้รักกันจริงๆรึเปล่าเนี่ย!?
“ นี่แกสองคนทำไม่เหมือนคู่รักกันเลย ความจริงแล้วคู่รักที่ฉันเคยเห็นมา พวกนั้นตัวติดกันยังกับปาท่องโก๋ แล้วก็หวานกันจนแทบอ้วก แต่ทำไมพวกแกถึงไม่เห็นตัวติดกันเลย แล้วก็ไม่มีมดเข้ามาหาซักตัวเลยว่ะ!? ” คาน่าพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยจริงๆ
“ แล้วแกอยากให้ฉันกับลินลี่ตัวติดกันอย่างปาท่องโก๋เหมือนกับพวกนั้น แล้วก็หวานกันจนมดขึ้นเหอร!? ” คริสถาม ทั้งที่ในใจเขาเองก็รู้อยู่แล้วว่า ถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ คาน่าคงต้องร้องไห้แล้วแน่ๆ
“ ไม่อยากให้เป็นแบบ...เฮ้ย!! ไม่ใช่ คือ ฉันหมายความว่า...จะทำอะไรก็เรื่องของแกสิ ” คาน่าพูดพลางเสหน้าแดงๆไปทางอื่น
“ เฮอะ พูดดีไปเถอะแก ฉันก็รู้น่าว่าแกชอบฉัน ” คริสพูดพลางยิ้มอย่างผู้มีชัยทำให้คาน่าร้อนตัวทันที
“ ฉันไม่คุยกับแกแล้ว อ้าว!? นั่นเห็นมั๊ย ลินลี่มาแล้ว ได้เวลากลับโรงแรมแล้วล่ะ ” คาน่าพูดพร้อมกับใบหน้าแดงจัด ก่อนที่เขาจะเดินไปสมทบกับคนอื่นๆในกลุ่มและเตรียมเดินทางกลับโรงแรมกัน
เมื่อมาถึงโรงแรม พวกเขารีบขึ้นไปห้องพักของตนทันที ในตอนแรกคาน่าประหลาดใจว่าทำไม คริสกับลินลี่ถึงไม่นอนห้องเดียวกัน แต่เขาก็ได้ข้อสรุปและคำตอบตามแบบที่เขาคิดแล้ว
ดังนี้
คิดแบบเข้าข้างตัวเอง – สองคนนี้อาจจะมีปัญหาเตียงหักรักคุดกันก็ได้ เลยทำให้แยกห้องนอนกัน แต่ว่า...อยู่ที่อิตาลีพวกเขาก็แยกกันนอนอยู่แล้วนี่นา ไม่สิ!! บางทีพวกเขาอาจจะรู้ตัวเองแล้วว่า พวกเขาสองคนเข้ากันไม่ได้ เลยคิดจะเลิกกันในขณะที่เพิ่งคบกันได้แค่ไม่เกิน 2 วัน และแน่นอนว่า...ถ้าคริสเลิกกับลินลี่แล้ว คาน่าก็จะเริ่มจริงจังกับการทำให้คริสมารักบ้างแล้วล่ะ สู้!!
คิดแบบรันทด – คริสคงอยากจะทะนุถนอมลินลี่ให้ดีที่สุด ไม่อยากแตะต้องอะไร เพราะจะทำให้ลินลี่ต้องเสื่อมเสีย โอ้!! สองคนนี้ช่างรักกันจริงๆ และแน่นอนว่า คนอย่างเขาก็เป็นได้แค่เพียงเมียน้อยที่คริสไม่ค่อยใส่ใจ ไม่อยากทะนุถนอม ไม่เห็นความสำคัญเทียมเท่ากับลินลี่ ฮือๆ ชีวิตนี้ช่างรันทด ฮือๆ
ยามสายของวันนี้ที่โรงแรม รู้สึกว่าจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะจะมีแต่ชาวต่างประเทศใส่ชุดยูคาตะหลากสีสันเดินไปเดินมาทั่วโรงแรม และแน่นอนว่า...พวกเขาก็ต่างก็ใส่ชุดยูคาตะเช่นนั้นเหมือนกัน และจะเห็นได้ว่า คริสมีใบหน้าที่หงุดหงิดสุดๆ
“ ชุดอะไรว่ะ ลายเต็มตัวเลย แถมพื้นหลังยังเป็นสีม่วงอีก ” คริสพูดพลางก้มหน้ามองชุดที่ตนใส่อยู่
“ ก็สวยดีนา ฉันว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าชุดสีเขียวลายสีแดงนะ ” คาน่าว่าพลางชี้นิ้วไปที่ฝรั่งคนหนึ่งที่กำลังคุยกับพนักงานโรงแรมสาวสวยอยู่
“ ฮาฮ่าฮ่า ตลกจริงๆด้วยจ๊ะเจ๊ว่าของเราใส่ดีกว่าเยอะเลยเห็นมั๊ยทุกตนใส่เหมือนกันหมดเลยน่ะ ” ริสพูดอย่างยิ้มๆ
“ ที่ว่าพวกเราใส่เหมือนกันหมดน่ะ รวมริออนด้วยเรอะ!! ” ลินลี่พูดพร้อมกับชี้ไปที่ริออนที่ใส่เสื้อสีม่วงเหมือนพวกเขา ในมือของริออนถือพัดสีน้ำเงิน กำลังเดินออกจากลิฟต์และกำลังตรงมายังที่ที่พวกเขายืนอยู่
“ อรุณสวัสดิ์ ทุกคน ” ริออนพูดพลางยิ้มอย่างร่าเริงตามประสา ในขณะที่ลินลี่ก็ทำตัวเหมือนเดิมเช่นกัน ทำตัวเหมือนว่าเมื่อวานพวกเขาไม่ได้ทะเลาะกัน
“ แหม ริออนมาพอดีเลยนะจ๊ะพวกเรากำลังจะไปเที่ยวกันน่ะจ๊ะไปด้วยกันไหม!? ” ริสเอ่ยชวน
“ ดีเลย ฉันกำลังหาเพื่อนอยู่พอดีโรมาริโอ้เขาไม่เล่นน่ะงั้นไปกับพวกนายดีกว่า ” ริออนไม่ปฏิเสธคำชวน
“ แล้วแกจะไปยังไงล่ะ บนรถตู้ของฉันมีดอกไม้ไฟหลายอันอยู่ ถ้าแกไปก็ต้องเบียดน่ะสิ ” คริสพูดเป็นเชิงกีดกัน
“ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันให้โรมาริโอ้ขับรถตามรถของพวกนายล่ะกัน ” ริออนบอก
“ ดีจ๊ะ งั้นเราไปกันเถอะ ” พูดจบริสก็เดินนำไปที่จอดรถด้านหน้าทันที เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ที่พวกเขาจะไปดูดอกไม้ไฟกัน
เมื่อพวกเขามาถึงถนนแล้ว ก็ต้องตกใจกับจำนวนคนที่มาเที่ยวกันที่ถนนสายนี้ ซึ่งมีกันมากมายเหลือเกิน มีทั้งชาวต่างชาติและคนญี่ปุ่น
“ โห น่าสนุกนี่ มีคนเยอะแยะเลย ” คาน่าพูดออกมาอย่างตื่นเต้นในมือมีพัดแน้นแบบพร้อมลุย!!
“ ฉันเกลียดคนเยอะ! ดังนั้นฉันจะไปนั่งรอในรถล่ะกัน ” ลินลี่พูดพลางหมุนตัวเตรียมกลับทันที แต่คาน่ากลับฉุดมือเขาไว้ก่อนน่ะสิ ทำให้ลินลี่แทบเอาพัดของเขาตบหัวคนที่รั้งเขาซะได้ ติดอยู่แค่ว่าตอนนี้เขาใจเย็นพอกว่าจะทำแบบนั้น
“ อย่าเพิ่งไปน่า ดูสิ น่าสนุกออก ต้องมีคนเยอะๆมันถึงจะมันส์!! ” คาน่าพูดพลางยิ้มอย่างสดใส ทำให้ลินลี่พลอยยิ้มไปด้วย ‘รอยยิ้มแบบนี้สินะที่ริออนชอบ และถ้าเขาลองยิ้มแบบนี้ดูบ้างล่ะ ริออนจะหันมาชอบเขามั๊ยนะ!? ’
“ ฉันเกียดที่ๆมีคนเยอะๆ ” ลินลี่ค้าน
“ ลองดูน่า ” คาน่ายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ
“ อื่มลองไปดูก็ได้ ” ลินลี่พูดพลางยิ้มตอบด้วยเช่นกันและจากรอยยิ้มของลินลี่เมื่อครู่ทำให้ริออนถึงกลับชะงัก ก่อนที่จะยิ้มบางๆออกมาบ้าง ยิ้มออกมา...โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวเลย
จากนั้นสองสาวจึงจูงมือกันไปร่วมสนุกกับพวกกลุ่มคนเหล่านั้น สีหน้าท่าทางดูมีความสุขมากๆ โดยเฉพาะ ลินลี่ที่ยิ้มตลอดเวลา ไม่มีร่องรอยความซึมหรือหยิ่งเลย สองหนุ่มได้แต่มองภาพนั้นอย่างยิ้มๆ เพียงแต่ยิ้มที่ออกมานั้น เจ้าตัวกลับไม่รู้เลยว่ายิ้มตั้งแต่เมื่อไร่ กว่าจะรู้สึกก็...
“ คริส ริออน ยิ้มอะไรอยู่เหรอ!? ทำไมไม่มากินขนมด้วยกันล่ะ!? ” ริสผละตัวออกมาจากกลุ่มคนเพื่อสอบถามคนทั้งสองที่ได้แต่ถือพัด ยืนยิ้มอยู่ตั้งนาน แต่ไม่ยอมลงมาเดิน สองหนุ่มเห็นดังนั้นเลยมองหน้ากัน ก่อนที่จะเดินลงไปกินขนมด้วย ‘ เวลาแห่งความสุขมักจะเดินเร็วเสมอ ’ คำพูดนี้ท่าทางจะจริงซะแล้วสิ!! เพราะว่าในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังเดินเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่นักก็มีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองที่ลินลี่กับคาน่าอยู่ สองคู่มองอย่างหวังดีอีกสองคู่มองอย่างประสงค์ร้ายนัยน์ตาทั้งสี่คู่นี้อยู่คนละมุมกันอยู่ตรงข้ามกัน พวกเขาเจ้าของนัยน์ตาทั้งสี่คู่มิล่วงรู้เลยในการมีอยู่ของนัยน์ตาอีกฝั่งพวกเขามาทำไรกัน!?
“ นี้คาน่า เดินมาตั้งนานแล้ว แกไม่หิวน้ำบ้างเหรอ!? ” ลินลี่เอ่ยถามคาน่าที่อยู่ยืนข้างๆตนในสภาพที่เหนื่อยพอกัน!
“ เฮอะ!! แกหิวน้ำเองน่ะสิ ทำมาเป็นถามฉัน! ไปสิ ไปซื้อน้ำแล้วก็ไปพักกันก่อน ” คาน่าพูดพลางยิ้ม ก่อนที่จะเดินนำหน้าลินลี่ไปยังร้านขายน้ำ ในขณะที่ลินลี่กำลังล้วงตังค์เพื่อเอาออกมาซื้อน้ำเมื่อมาถึงที่ร้านขายน้ำ ลินลี่หยิบน้ำเปล่ามาหนึ่งขวดพร้อมหลอด 2 หลอดพลางยื่นแบงก์ 100 เยนให้เจ้าของร้าน โดยที่ไม่พูดจาอะไร ไม่ใช่หยิ่งนะ แต่หิวน้ำต่างหาก ซึ่งเจ้าของร้านก็เข้าใจดี ก่อนที่จะยิ้มแล้วทอนเงินทอนให้
“ นี้ค่ะเงินทอน ” คนขายน้ำตอบ
“ ค่ะ ” ลินลี่ตอบ
“ จะรับอะไรอีกมั้ยค่ะ ” คนขายน้ำถาม
“ ไม่ค่ะ ” ลินลี่ตอบแล้วเดินไป
“ เอ้า!! ของแกหลอดสีฟ้าน่ะ ” ลินลี่ว่าพลางยื่นขวดน้ำให้คาน่าที่ยืนรออยู่ตรงข้างๆร้านน้ำ หลังจากที่ตนเองดื่มน้ำจนหายหิวน้ำเรียบร้อยแล้ว
“ เออ ขอบใจ ” คาน่ารับมายิ้มๆ พลางคิดว่า พวกเขาสองคนก็เข้ากันได้ดีนี่นา นี่ถ้าไม่ติดว่าลินลี่เป็นคนรักของคริสแล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะสนิทกันมากกว่านี้
“ นี้ลินลี่ถ่ายรูปกัน ” คาน่าชวนลินลี่ถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆต่อกัน
“ เอาซิ ” ลินลี่ตอบแบบยิ้มๆ
“ 1 2 3 // แชะ ”
“ เสร็จแล้วไปต่อกันเถอะ ”
“ อื่ม ไปไหนต่อละ ”
“ เดินไปเรื่อยๆ ”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอย่างสนิทสนมนั้นก็ได้มีชายสองคนผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาไม่ประสงค์ดีที่แอบมองลินลี่กับคาน่าอยู่นานได้ปรากฏตัวขึ้นหลังพวกเขา พลางหันซ้ายหันขวา เมื่อได้เวลาประจวบเหมาะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น(รวมทั้งเจ้าของนัยน์ตาผู้หวังดีสองคู่นั้นด้วย) พวกเขาเอาผ้าปิดจมูกลินลี่กับคาน่าทันทีโดยที่พวกเขาไม่ได้ระวังตัว สองสาวขัดขืนอยู่สักพัก ก่อนที่จะหมดสติลงไป เมื่อชายนัยน์ตาประสงค์ร้ายสองคนเห็นดังนั้นแล้ว เขาก็รีบพยุงลินลี่กับคาน่าไปทันที โดยทำทีว่ากำลังพยุงเพื่อนที่เหนื่อยจนเป็นลมออกไป และกว่าที่เจ้าของนัยน์ตาสองคู่ผู้หวังดีจะเห็น คนพวกนั้นก็นำตัวสองคนออกไปแล้ว...
“ เอ๊ะ!! คาริน ลินลี่กับคาน่าหายไปไหนล่ะ เมื่อกี้ฉันยังเห็นอยู่เลยนะ ละสายตาไปแป็ปเดียวก็หายแล้วน่ะ ” เจ้าของนัยน์ตาผู้หวังดีคนแรกนาม นิกะเอ่ยถามเจ้าของนัยน์ตาคนที่สองด้วยความตกใจ ใบหน้ามีแววตื่นอย่างเห็นได้ชัด
“ หืม!? ” คารินเจ้าของนัยน์ตาผู้หวังดีคนที่สองหันมาพร้อมกับชะเง้อหน้าไปดูยังทิศทางดังกล่าว เมื่อไม่เห็นวี่แววของทั้งสอคนเขาก็ต้องขมวดคิ้วเป็นปมใหญ่ทันที
“ ไม่เห็นใช่มั๊ย!? แล้วเราควรจะทำยังไงกันดีล่ะ ” พีชเอ่ยถามคารินด้วยแววตาตื่นตระหนก
“ เหมือนที่ลางสังหรณ์ของฉันบอกเลย ให้ตายสิ!! ตามไปตอนนี้เราก็ไปเสี่ยงเปล่าๆ ถ้าเป็นอย่างนี้...ฉันว่าเราควรจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขาแล้วล่ะ ” คารินพูดพลางทำหน้าเหมือนใช้ความคิดหนัก
“ เอ๋!? ใครเหรอที่เราจะไปขอความช่วยเหลือ แล้วที่ว่าตามไปแล้วจะเสี่ยงเปล่าๆนี่...หมายความว่าอะไรกัน รวมทั้งเรื่องลางสังหรณ์อีก!? ” รันยิ่งคำถามรัว
“ ในตอนแรกฉันมีลางสังหรณ์ว่าเหมือนมีใครกำลังจ้องมองพวกลินลี่กับคาน่าอยู่ด้วยแววตาประสงค์ร้าย แต่ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามีกี่คน และตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ว่าเป็นตอนนี้...ฉันต้องคิดใหม่แล้วล่ะ ท่าทางว่าจะไม่ดีซะแล้ว ฉันว่าเราไปขอความร่วมมือจากพวกคริสกันเถอะ ” ไม่พูดพร่ำทำเพลง คารินก็ลากเพื่อนๆแหวกกลุ่มคนไปหาพวกคริส ริส และริออนทันที
“ เอ๋!? ไปอย่างนี้ก็เท่ากับไปให้พวกเขากระทืบนะ เพราะถึงยังไงพวกเขาต้องถามเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดแน่ๆ ” รันพูดอย่างกลัวๆ
“ ฉันว่าเขายังไม่กระทืบเราหรอก เพราะเขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องของพวกเราหรอก สิ่งที่เขาสนใจน่าจะเป็นเรื่องที่ลินลี่กับคาน่าถูกจับตัวไปมากกว่านะ ”
“ แต่ว่า...พวกลินลี่กับคาน่าอาจจะไม่ได้ถูกจับตัวไปก็ได้นี่ เขาอาจจะแค่ไปเดินเล่นที่อื่นก็ได้นะ ” นิกะเริ่มคิดในแง่ดี แต่ถึงจะเอ่ยออกมาเช่นนั้น ในใจของเขาก็ยังไม่หยุดสั่นเสียที
“ นิกะ ฉันน่ะคารินเชียวนะ ลางสังหรณ์ฉันไม่ผิดหรอก แล้วอีกอย่าง...ฉันก็รู้ด้วยว่าเธอก็คงคิดเช่นเดียวกันกับฉันว่าพวกนั้นถูกจับตัวไป ” พูดจบเขาก็ได้มายืนอยู่ข้างหลังริออนพอดีเขาสะกิดริออนแรงๆเพื่อให้หันมา
“ เอ๋!? นี่พวกเธอ...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้น่ะ ” ริออนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามนะ ตอนนี้ลินลี่กับคาน่าถูกจับตัวไป เราต้องรีบไปช่วยพวกเขานะ ” รันตอบทันที
“ หา! ลินลี่ถูกจับตัวไปเหรอ!? ” พูดจบริออนก็ชะเง้อหน้าไปมองยังที่ที่เขาเคยเห็นคนทั้งสองยืนอยู่ครั้งล่าสุด แต่เขาก็ไม่เห็นบุคคลทั้งสองเลย และเป็นจังหวะเดียวกันด้วยที่คริสได้ยินประโยคเมื่อครู่ของรัน
“ เมื่อกี้แกว่าไงนะ คาน่าถูกคนจับตัวไปเรอะ!! ” คริสถามเสียงเข้ม
“ เออ ” คารินเป็นผู้ตอบ
“ ว่าแต่ แกรู้ได้ยังไงว่าพวกนั้นถูกจับไปแล้วทำไมพวกแกสองตัวถึงมายืนอยู่ที่นี่ได้!? ” คริสถามอย่างไม่ไว้ใจ
“ คืออย่างนี้นะ…. ” คารินบอกเหตุผลทุกอย่างของเขาที่มาที่นี่อย่างเป็นจริงรวมทั้งเล่าเรื่องแผนอย่างหมดเปลือก เพราะคิดว่าสองคนนี้เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ต้องหายโง่เรื่องความรักแล้วแน่ๆ และบอกเหตุผลที่เขาคิดว่าสองคนนั้นถูกจับตัวไปด้วยคำพูดที่รวบรัดแต่เข้าใจ
“ เอ๊ย!! ริส แกไปตามหาพวกนั้นกับฉันเดี๋ยวนี้!!! ” คริหันไปตะโกนใส่หน้าริสที่กำลังยืนรอรับคำสั่งอยู่
“ ค่ะ ” ริสรับคำอย่างมาดมั่นพร้อมรบเต็มที่
“ งั้นไปกัน ” ริออนพูดอย่างเร่งรีบ ก่อนที่จะรีบเดินจ้ำอ้าวออกไป หลังจากนั้นทุกคนจึงเดินตามเขาออกไปด้วยอาการเร่งรีบพอกัน
หลังจากที่พวกเขาหาบริเวณถนนทั่วแล้ว รวมทั้งบริเวณโดยรอบ พวกเขาก็ไม่เจอแม้แต่เงาของทั้งสองคนนั้นเลย เลยตัดสินใจไปปรึกษาหารือกันที่โรงแรมก่อน เพราะตอนนี้ถึงหายังไงสุดท้ายโอกาสเจอก็ยังน้อยกว่า1 ต่อ 100 อยู่ดี
“ ไอ้สวะหน้าไหนมันบังอาจจับตัวคนของฉันไป ฉันจะเผามันทั้งโคตร!! ไม่ให้มันได้ลืมตาอ้าปากเลยคอยดูซิไอ่เลวเอ๊ย ” คริสพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดอย่างสุดๆ
“ คนพวกนั้นคงจะได้เจออะไรดีๆซะแล้วสิอย่าให้ฉันรู้นะว่าเป็นใคร ฉันจะลบชื่อมันออกไปจากโลกนี้เดี่ยวนี้เลยไอ้เลวยกกำลังสอง(ไอ้สวะ)แกกล้ามากที่มายุ้งกับคนของฉัน ฉันจะฆ่าแกล้างโคตร ” ริออนพูดพลางดึงปืนออกมาพร้อมฆ่าได้ทุกสถานการณ์
“ พวกเรามีสายอยู่ที่ญี่ปุ่นมากพอสมควรนะ เดี๋ยวพวกเราจะไปติดต่อขอให้พวกนั้นช่วยตามหาให้ก็แล้วกัน เอาให้เร็วที่สุดเลย คารินและเพื่อนๆที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็นึกออก
“ อืม เดี๋ยวฉันก็จะติดต่อโรมาริโอ้ด้วย ” ริออนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆและนิ่งๆ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ ดีค่ะ ที่ญี่ปุ่นเราก็มีสายของเราอยู่นี่ค่ะ คริสจะให้เจ๊ติดต่อให้มั๊ยค่ะ!? ” ริสหันไปถามคริส
“ อาจจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ก็ติดต่อไปล่ะกัน ” คริสพูดน่าขรึม
หลังจากที่ทุกฝ่ายทำธุระติดต่อคนรู้จักเป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับมานั่งตรงที่เดิม ที่โต๊ะอาหารของโรงแรมตัวใหญ่ ในขณะที่นิกะหันซ้ายหันขวาไปรอบๆเหมือนหาใครยังไงยังงั้น
“ เห็นท่าทางแกแล้วมันหงุดหงิดว่ะ สองคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก!! ” คริสที่ทนไม่ไหวเอ่ยถาม นิกะขึ้น
“ เอ่อ...ฉันกำลังคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ขายน้ำให้พวกลินลี่อยู่น่ะ ฉันเคยเห็นเค้ามาที่โรงแรมด้วยนะเขาหายไปตอนที่ลินลี่หายไปพอดีเลยละ!!! ” คำถามนี้ทำให้พวกคารินงงไปตามๆกันเพราะพวกเขาไม่ได้สังเกตเลย
“ งั้น เราลองโทรหาคาน่ากับลินลี่ดูมั้ยละ ” ริสถาม
“ แล้วถ้าสมมติว่าคาน่ากับลินลี่กำลังเดินดูดอกไม้ไฟอยู่ล่ะ ถึงโทรไปก็ไม่รู้สึกตัว แล้วจะรับได้ไง โทรไปก็ไม่มีประโยชน์ ” คริสแนะ
“ บางที...คนขายน้ำคนนั้นอาจจะเป็นสายของคนที่จับตัวสองคนนั้นไปก็ได้นะ!? ” คารินเอ่ย
“ งั้นเดี๋ยวเจ๊ลองโทรไปดีกว่าค่ะ ถ้าเขาปิดเครื่อง ไม่รับสายหรือตัดสายทิ้ง ก็แปลว่าคงถูกลักพาตัวไปจริงๆ ” จากนั้นริสก็จัดการโทรไปหาคาน่าและลินลี่ แต่ผลปรากฏว่าตัดสายทิ้ง
“ ตัดสายทิ้งค่ะ คงจะเป็นอย่างที่คารินจริงๆนั่นแหละค่ะ ” ริสบอกทุกคน
“ เฮอะ! นับว่ากล้ามากทีเดียวที่ทำแบบนี้ ได้เวลาล้างบางกันแล้ว ” คริสว่าพลางยิ้มเหี้ยม
ไม่นานนัก สายสืบของคารินก็โทรมาบอกว่า เขาเจอตัวลินลี่กับคาน่าแล้ว อยู่ที่โรงแรมแถวชานเมืองซึ่งห่างจากถนนที่พวกเค้าอยู่เพียง 10 กิโลเมตร ตอนนี้พวกนั้นกำลังนำตัวลินลี่และคาน่าขึ้นลิฟต์อยู่ ให้พวกเขามาที่นี่ทันที ส่วนสายสืบนั้นจะจัดการหาเลขห้องพักของทั้งสองคนให้ระหว่างที่รอพวกเขาเมื่อพวกเขาได้ฟังดังนั้นก็รีบนำรถออกและบึ่งไปที่โรงแรมดังกล่าวทันทีด้วยอารมณ์ที่เรียกว่าใจร้อนสุดๆ โดยเฉพาะริออนและคริส พวกเขาสองคนกลัวว่าการที่พวกนั้นพาสองสาวมาที่โรงแรม ก็เพื่อจะพามาทำมิดีมิร้ายอย่างที่พวกผู้ชายมักทำกับผู้หญิง มากกว่าที่จะลักมาฆ่าเสียอีก
ทางด้านลินลี่และคาน่า.....
ในห้อง 339 ของโรงแรมระดับ 5 ดาวแถวๆชานเมือง ลินลี่แล้คาน่าถูกมัดมือไว้บนหัวเตียงคนละข้าง และเท้าก็ถูกมัดไว้อยู่เช่นกันในขณะที่พวกเขาก็ยังคงสลบอยู่ มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนมองภาพเหล่านี้อยู่ด้วยความพอใจ
“ บอสค่ะ ในที่สุดบอสก็ได้สิ่งที่ต้องการซักทีนะคะ ” อดีต คนขายน้ำเอ่ยขึ้นกับผู้เป็นบอสของตน
“ อืม งานนี้ต้องขอบใจเธอนะ คงลำบากแย่เลย ” ทรีโน่ ผู้เป็นบอสแห่งทรีเซียโน่ที่เคยเป็นหุ่นส่วนในการค้าคาซิโนกับคริสและพ่อของลินลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆกับผู้เป็นเลขาของตน
“ ค่ะ ดิฉันยินดีด้วยค่ะ แต่ก็ยังเจ็บใจเล็กๆนะคะ แหม อุตส่าห์มาที่นี่ได้ตั้งนานแล้ว แต่กลับติดไอ้ยามหน้าโง่นั่นอยู่ได้ ไม่ยอมให้เข้าสักที อ้างว่ารักษาความปลอดภัยอยู่ได้ กลัวว่าเราจะมอมยาคนมาทำมิดีมิร้าย เฮอะ!! แล้วจะทำไมล่ะ ถามมากขนาดนั้น ตัวเองน่ะสิที่จะไม่ปลอดภัยซะเอง ” เลขาสาวยังบ่นไม่หยุด
“ เอาน่าๆ เขาก็แค่ทำตามหน้าที่เขา ไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย ” บอสแห่งทรีเซียโน่เอ่ยอย่างใจเย็น
“ ทำตามหน้าที่เหรอค่ะเฮอะ! แค่โดนเงินของบอสฟาดหัวไปก็ยอมแล้วไม่ใช่เหรอค่ะ ” เลขาประชด
“ ฮาฮ่าฮ่า ” เขาไม่ตอบอะไรได้แต่หัวเราะด้วยความสมเพศเท่านั้น
“ ว่าแต่..ทำไมบอสถึงเลือกประเทศนี้เพื่อลงมือล่ะค่ะ!? ” เลขาสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง
“ ที่จริงจะประเทศไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ยกเว้นอิตาลีน่ะ ” บอสตอบ
“ เอ๋!? ทำไมล่ะค่ะ ”
“ เพราะประเทศนั้นเป็นประเทศที่พวกนั้นมีอำนาจมากล่ะสิไม่ว่าจะเป็นชิม่อนกลุ่มพ่อค้าในตลาดมืดและมาเฟียที่พ่อของนังหนูลินลี่ดูแล คาบัคโลเน่ที่เป็นมาเฟียที่อยู่ในเครือของชิม่อนอีกละแล้วไหนจะ เวสมาเฟียที่โหดที่สุดในอิตตาลีที่มีอิธิพลพอๆกับ ชิม่อนที่พ่อของนังหนูคาน่าเป็นหุ่นส่วน และก็แน่นอนว่าเราจะทำการนี้ลำบากด้วยแล้วถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียวก็ถึงตายได้เลยไงละ ” ผู้เป็นนายบอกเลขาสาว
“ แต่ว่าที่ญี่ปุ่นพวกนี้ก็มีอำนาจไม่ใช้เหลอค่ะ ” เลขาสาวท้วง
“ ถึงจะมีแต่ก็ไม่เกลื่อนกลาดไปทั่วเหมือนที่อิตาลีหลอก ” บอสตอบ ซึ่งเลขาสาวก็พยักหน้าเข้าใจทันที
“ เธอว่ามั๊ย!? ตอนนี้ฉันเป็นคนที่โชคดีที่สุดเลยล่ะ ได้สาวสวยตั้งสองคนมาเป็นเมียน่ะ นี้เค้าเรียกว่าสวรรค์บนดินชัดๆ ” ทรีโน่เอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม ก่อนที่จะค่อยๆนำมือหยาบกร้านของเขามาลูบไล้ใบหน้าของทั้งสองสาวเบาๆ
“ ค่ะ ถ้าคุณคิดเช่นนั้น ” เธอตอบรับ
“ ว่าแต่...พวกนั้นรู้รึยังล่ะ ว่าฉันลักพาตัวสองคนนี้มา ” ทรีโน่ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ เกรงว่าพวกนั้นจะทราบแล้วค่ะ แต่ดิฉันคิดว่าพวกนั้นคงไม่รู้หรอกค่ะว่าสองคนนี้อยู่ที่ไหน ” เลขาสาวพูดด้วยท่าทางมั่นใจเสียเต็มประดา
“ เธออย่ามาดูถูกพวกนั้นเชียวน่ะ ถึงแม้พวกนั้นจะไม่มีพวกที่ประเทศนี้ซักเท่าไร แต่มันก็ต้องมีบ้างแหละสายลับที่มีความสามารถในด้านการค้นหานะ ” เขาดุ ทำเอาเลขาของเขาจ๋อยลงทันที
“ เอ่อ..ขอโทษค่ะ ”
“ ตอนนี้เธอออกไปได้แล้วล่ะ หมดหน้าที่ของเธอแล้ว ฉันจะทำธุระของฉันต่อ ” เขาพูดเชิงไล่
“ ค่ะ ขอให้บอสมีความสุขกับสิ่งที่ทำนะคะ ” พูดจบเธอก็เดินออกไปจากห้องนั้นทันทีและนั้นเป็นเวลาเดียวกันที่ ริออน คริส ริส และพวกคารินก้าวขาออกจากรถที่พวกเขานั่งมาพอดี พอลงจากรถ ริออนและคริสรีบเดินเข้าไปในโรงแรมนั้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาไปเจอสายสืบที่ยืนรออยู่แล้ว คุยกันเพียงไม่กี่คำ เขาทั้งสองก็พยักหน้าเข้าใจ และเตรียมก้าวขาจะไปขึ้นลิฟต์ทันที แต่ทว่า...
“ เฮ้ย!! พวกแก ” มีเสียงผู้ชายทักขึ้นมาข้างหลังริออนก่อน
ชายคนนั้นเตรียมเสยหมัดตั้งแต่วินาทีที่ที่ริออนหันมา แต่แน่นอนอยู่แล้วว่า ตอนนี้ถึงจะไม่มีลูกน้อง แต่ริออนก็ยังมีคนที่จะให้ปกป้องอยู่ ซึ่งคอยอยู่ข้างบน ริออนยิงปืนไปที่หน้าผากของชายคนนั้นเต็มๆ ก่อนที่จะเตรียมขึ้นลิฟต์ไปอีกครั้งแต่แน่นอนว่า ศึกครั้งนี้มันยังไม่จบง่ายๆ เพราะมีชายคนอื่นมาเพิ่มอีกและเตรียมจะทำร้ายพวกเขา ทำให้ริออนและคริสต้องจัดการพวกนี้ก่อน เป็นเวลาพอดีที่ริสและพวกคารินมาพอดี ดังนั้นพวกเขาจึงช่วยกันจัดการคนพวกนี้ก่อน และบอกให้ริออนและคริสตามไปช่วยสองคนนั่น ซึ่งทั้งสองพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะขึ้นลิฟต์ไปตามชั้นและห้องที่เขาได้รู้เมื่อครู่เพื่อไปช่วยคนที่ใจตามหา
เมื่อริออนและคริสขึ้นไปบนชั้นที่ 20 พวกเขาก็แทบไม่แปลกใจเลยที่มีบอดี้การ์ดคุ้มครองชั้นนี้อยู่มากมาย และแน่นอนว่าก็ไม่น่าแปลกใจเหมือนกันที่บอดี้การ์ดพวกนั้นจะต้องทำร้าย
“ อั่ก!! ตุ้บ!! แอ็ก!! ปัง เฟียส!!... ” เสียงเหล่านี้ดังอยู่ไม่นานนักก็สงบลง รวมทั้งเหล่าบอดี้การ์ดที่ระเนระนาดเกลื่อนกล่านอยู่บนพื้นด้วย จะมีเหลืออยู่ก็เพียงชายสองคนที่ได้ขึ้นคือริออนและคริสเท่านั้น
“ ห้องไหนล่ะ!? ” ริออนถามอย่างใจร้อน
“ ก็หามันทุกห้องนั่นแหละ!! ” คริสพูดพลางเดินไปเปิดประตูห้องทีละห้อง จนที่สุดเขาก็เจอจนได้ หมายเลขห้อง 339
เมื่อพวกเขาเข้าไปก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น นั่นก็คือภาพชายผมสีทองกำลังจูบลินลี่อยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าของลินลี่นั้นหลุดลุ่ย ส่วนคาน่าก็ไม่แพ้กัน เขาอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ดวงหน้ามีคราบน้ำตาเปื้อน และแน่นอนว่าทั้งสองคนไม่รีรอที่จะเข้าไปช่วยเหลือทันที
ริออนวิ้งเข้าไปต่อยตัวชายคนนั้นอย่างแรงทำให้ชายคนนั้นต้องล้มไปหัวฟาดโต๊ะที่อยู่มุมห้อง เห็นดังนั้นริออนจึงรีบช่วยแกะเชือกที่รัดข้อมือและเท้าลินลี่ทันที
“ ริ...ริออน...ฮึก ” ลินลี่กอดริออนพลางร้องไห้
“ อืม ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว ม่มีใครจะทำอะไรเธอได้อีกแล้วนะ ” พูดจบริออนก็จูบไปทั่วใบหน้าของลินลี่เพื่อล้างคราบเสนียดของชายชั่วนั่น!!
ฝ่ายคริสหลังจากที่ช่วยแกะเชือกให้คาน่าแล้ว เขาก็ต้องปลอบประโลมคาน่าที่ร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆอยู่นั่น ปากสั่นๆพลางบอกว่า “ ฉันกลัวๆ ”
แต่ในขณะที่ทั้งสองคู่ต่างปลอบประโลมกันอยู่นั้นทรีโน่ก็ได้สติและลุกขึ้นมาหยิบปืนที่วางอยู่ข้างๆโต๊ะ พลางเล็งไปที่คริสก่อน เนื่องจากอยู่ใกล้ที่สุด
“ อ๊ะ!! คริส ระวัง!! ” คาน่าบอกเตือนคริสในขณะที่ทรีโน่กำลังยกปืนมาทางนี้ทำให้คริสที่มี สันชาติญาณไว รีบกอดคาน่าแล้วหมอบลงต่ำทันที ทำให้กระสุนลูกนั้นพลาดเป้าไปโดนที่หัวเตียงแทนคริสรีบเอี้ยวตัวกลับ พลางนำปืนของตนเล็งไปที่ทรีโน่ทันที แล้วก็...
“ ปัง!! ” กระสุนพุ่งใส่หน้าผากทรีโน่เข้าอย่างจัง
“ กล้ามากนะไอ้สวะ!! กล้าที่จะเล็งปืนของแกมาที่ฉัน!!! ไอ่แก่โง่เอ้ยแก่แล้วไม่เจียม ไปนอนในโรงซะเถอะ ไอ่สวะ ” คริสพูดเยียดหยาม
“ คริส ฉันว่าเรารีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ เสียงปืนเมื่อกี้อาจจะทำให้มันแตกตื่นและอาจเรียกกำลังมาอีกก็ได้นะ ตอนนี้ไม่ค่อยปลอดภัยนักหรอก ” ริออนที่อุ้มลินลี่มารีบบอกคริส
“ เออ ” คริสรับคำ ก่อนที่จะอุ้มคาน่าออกไปเหมือนกัน
ทั้ง 4 คนพากันออกจากห้อง 339 ไปเพื่อตรงไปที่ลิฟต์ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า สิ่งที่พวกเขาทำเมื่อครู่ทำให้เกิดความเจ็บแค้นในใจของหญิงสาวคนหนึ่งที่แอบมองอยู่ทางด้านหน้าประตูห้องน้ำหญิง
“ บอสค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะแก้แค้นให้บอสเองค่ะ ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นสุดๆ ดวงหน้ามีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
หลังจากที่พวกเขาช่วยสองสาวออกมาได้แล้ว ก็รีบพาเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที เพื่อเช็คว่านอกจากรอยแผลฟกช้ำภายนอกแล้ว ยังมีอะไรเสียหายภายในอีกหรือเปล่า ซึ่งผลออกมาก็เป็นที่น่าพึงพอใจพอสมควร
เนื่องจากทั้งสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บภายในอะไรมาก จะมีก็แต่ภายนอกเล็กๆน้อยๆเท่านั้นซึ่งหมอก็บอกว่าให้รอดูอาการซัก2วันเท่านั้นเอง
“ โชคดีจังเลยนะ ที่ทั้งสองคนไม่เป็นอะไรแล้ว ” นิกะพูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจอย่างมาก
“ นั่นสิ แต่ว่า...ถ้าเรามาช้ากว่านี้อีกละก็ มีหวังสองคนนั้นโดนงาบไปแล้วแหงมๆงาบแบบไม่เหลือแม่แต่กระดูกเลย ” คารินพูดพลางเหลือบมองสองสาวที่นอนหลับอยู่กันคนละเตียงโดยมีสองหนุ่มคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ
“ เจ๊ว่า...คริสกับริออนควรจะไปพักผ่อนกันก่อนนะคะ วันนี้ก็เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวสองคนนี้เจ๊จะให้พยาบาลพิเศษเขามาเฝ้านะคะ ” ริสแนะ
“ ฉันคิดว่า...ตัวฉันเองคงจะมีเรื่องที่อยากจะบอกคาน่า ฉันจะรอให้มันตื่นก่อน ” คริสพูดพลางลูบหัวคาน่าอย่างแผ่วเบา
“ นายรู้ใจตัวเองแล้วเหรอ!? โง่ตั้งนาน ” คารินเอ่ยถาม
“ ไม่ แต่ฉันจะลองไปปรึกษาจิตแพทย์ที่นี่ดูน่ะ แล้วไอ่ที่ด่าว่าโง่นะไว้เช็คบินรวมกับที่หลอกพวกฉันก็แล้วกัน ” คริสว่า
“ ขอประทานอภัย แล้วทำไมต้องไปปรึกษาจิตแพทย์เหรอ!? ” รันอดที่จะสงสัยไม่ได้
“ ฉันยังไม่เข้าใจกับความรู้สึกตัวเองน่ะสิ คิดว่า...ถ้าลองไปปรึกษาดู คงจะได้เรื่องบ้าง…ริออน!!...แกเองน่ะ ก็ควรจะไปปรึกษาบ้างนะ ” ประโยตสุดท้ายคริสหันหน้าไปบอกริออนที่นั้งกุมมือลินลี่อยู่ข้างๆเตียง
“ ฉันเข้าใจความรู้สึกตัวเองดี ” ริออนตอบเรียบๆ แต่ทำให้ทุกคนรวมทั้งคริสด้วยตาโตเท่าไข่นกกระจอกเทศ
“ ฉันยังรักคาน่าเหมือนเดิม แต่สำหรับลินลี่...ฉันแค่รู้สึกผิดเท่านั้น ” ริออนตอบ
“ ไอ้สวะหน้าโง่!! ฉันจะบอกอะไรให้นะ ความจริงแล้วแกน่ะ ไม่ได้รักคาน่าหรอก ” คริสเริ่มเสียงดังขึ้น
“ แล้วนายรู้ได้ไง!? ” ริออนย้อน
“ ข้อหนึ่ง คาน่าเป็นของฉัน แกรักไม่ได้!! ข้อสอง แกรักลินลี่ ” คริสตอบ
“ สำหรับลินลี่ ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันแค่รู้สึกผิด ” ริออนยังคงยืนยันคำเดิม
“ โง่จริงๆว่ะ!! นี่แกโง่ขนาดนี้ ฉันว่าแกควรต้องไปปรึกษาหมออย่างด่วนนะ!! ไม่ใช่แค่จิต แต่ควรไปหาหมอเช็คสมองแกด้วย ”
“ เอาเถอะหยุดทะเลาะกันนะตอนนี้ฉันว่าทุกคนคงเพลียมากแล้ว ไปพักผ่อนที่โรงแรมกันเถอะ ” คารินห้ามทัพ
“ อย่างที่ฉันบอกไง ฉันยังไม่กลับ!! แล้วแกไม่มีสิทธิ์สั่งฉันด้วย!! ” คริสพูด
“ คริส เจ๊เชื่อว่า คาน่าคงตื่นอีกทีก็พรุ่งนี้เข้าแล้วล่ะค่ะ เพราะตอนนี้ดึกมากแล้วน้า ส่วนเรื่องจิตแพทย์ เจ๊รู้ว่าคริสร้อนใจมาก เอาเป็นว่าคริสไปปรึกษาจิตแพทย์วันนี้เลยแล้วพรุ่งนี้ค่อยบอกคาน่านะคะ ” ริสเสนอแบบมากันคนละครึ่งทาง
“ ...อืม ” คริสเหลือบมองคาน่าพักนึงก่อนที่จะตอบตกลง เพราะว่าตอนนี้เขาเองก็เพลียจริงๆนั่นแหละ แต่ถึงจะเพลียยังไง เขาก็อยากจะรู้ความรู้สึกของตัวเองให้แน่ชัดเสียก่อนอยู่ดี
“ แกจะไปมั๊ย!? ไอ้ริออน! ” คริสถามอย่างนิ่มนวล(?)
“ ไม่หรอก ไม่มีความจำเป็นที่จะทำอย่างนั้นซักหน่อย ” ริออนตอบ
“ แกมันบรมโง่ยกกำลังสองจริงๆ จำคำฉันไว้นะ!! ถ้าขืนแกยังโง่อย่างนี้ต่อไป คนที่เจ็บมันก็คือแกเองนั่นแหละ!! แล้วอย่ามาหาว่าฉันไม่เตือนนะ!! ” พูดจบ คริสก็เดินออกไป
“ ส่วนคริส...ก็จะไม่เจ็บ เพราะไม่โง่สินะ ” นิกะเอ่ยขึ้น
“ นี้นิกะเหมือนเธอกำลังด่าฉันว่าโง่อยู่นะ ” ริออนพูดหยอก
“ เอ่อ...ฉันเปล่าพูดอย่างนั้นนะ ” นิกะตอบแบบรู้สึกผิดนิดๆ ส่วนริออนก็ได้แต่หัวเราะ
“ ริออนจ๊ะ เจ๊ว่าที่คริสพูดมาก็ถูกนะจ๊ะ ยังไงๆริออนก็น่าจะไปลองปรึกษาแพทย์ดู ไม่ได้เสียหายอะไรนี่จ๊ะ ” ริสช่วยพูด
“ แต่ฉันคิดว่า...ฉันค่อนข้างจะแน่ใจกับความรู้สึกตัวเองแล้วนะ ” ริออนตอบอึกอักๆเหมือนไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก แต่ก็ยังฝืนตอบ
“ เรื่องแบบนี้ปล่อยให้เขารับรู้ด้วยตัวเองเถอะ ริส เราก็ได้แต่เพียงภาวนาให้เกิดเหตุการณ์พิสูจน์ใจที่ไม่เลวร้ายเท่าไร ” คารินที่นิ่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินไปรอหน้าห้องจิตแพทย์ที่ คริสเข้าไปปรึกษาอยู่
หลังจากนั้นทุกคนก็เดินตามคารินไป ส่วนริออนที่เดินอยู่ก็เดินอยู่เงียบๆ ใบหน้าเหมือนใช้ความคิดอะไรหนักๆ แต่ก็ยังคิดไม่ออก
หลังจากพวกเขานั่งคอยคริสที่หน้าห้องจิตแพทย์ได้สักพัก คริสก็เดินออกมาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม
“ มีอะไรดีๆงั้นเหรอ!? คริส ” คารินเอ่ยถาม
“ อืม ” คริสก็ได้แต่ตอบอย่างยิ้มๆ
“ งั้นบอกหน่อยสิ ” รันสนใจขึ้นมาทันที
“ เรื่องอะไรฉันต้องบอกพวกแก!! คนที่ฉันจะบอกคือคาน่านั่นต่างหาก ” คริสเอ่ย
“ งั้นก็...เย้!! ” ริสพูดเสียงดัง พลางกำมือแล้วยกขึ้น
“ เย้อะไรของแก !! ” คริสถามเรียบๆ
“ เย้เพราะว่าบอสรู้ใจตัวเองสักทียังไงล่ะค่ะ ดีใจด้วยนะคะ ” ริสพูดด้วยน้ำเสียงเป็นปลื้มสุดๆ
“ อืม ” คริสเอ่ยยิ้มๆ ในขณะที่สมองก็มีแต่รูปคาน่าวนเวียนอยู่ยังงั้น
ส่วนพวกคารินก็ดีใจกันอยู่ข้างๆ และริออนก็ได้แต่ยิ้มบางๆพลอยสุขไปด้วยกับคนอื่น(แต่ของตัวเองยังไม่รู้)หลังจากที่พวกเขาเสร็จกิจที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เตรียมตัวกลับบ้านทันทีเพื่อไปพักผ่อน แต่ในระหว่างทางเดิน คารินมีสีหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“ เป็นอะไรไปเหรอ!? คาริน ” รันอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
“ ทุกคน ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ” คารินตอบพลางทำสีหน้าจริงจัง
“ เอ๋!? เหรอ...อุ๊ย!! ” นิกะอุทาน เนื่องจากตนเองซุ่มซ่ามไปเตะกระถางต้นไม้ซะได้
“ เจ็บหรือเปล่า!? ” คารินถามแล้วพานิกะไปนั้ง
“ เอ่อ.นิดหน่อย ลางสังหรณ์ไม่ดีที่ว่านี่ หมายถึงที่ฉันไปเตะกระถางต้นไม้รึเปล่า ” นิกะพูดยิ้มๆ ติดตลก
“ เอ่อ..คงงั้นมั้ง ” คารินพูดพลางยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน เขาคิดเพียงแค่ว่า ลางสังหรณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้น คงจะเป็นอย่างที่นิกะพูดจริงๆ แต่ถึงเขาจะคิดเช่นนั้น...ในสมองเขาก็ยังไม่คลายความ กังวนเสียที เป็นเพราะอะไรกันนะ!?
เวลาเที่ยงคืน ในโรงพยาบาล อันเป็นห้องที่ทั้งลินลี่และคาน่าพักอยู่.....
“ ก๊อกๆๆ ” เมื่อพยาบาลพิเศษได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอก็รีบตื่นทันที ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูห้อง
“ มีอะไรเหรอค่ะ!? ” เธอถามหญิงสาวหน้าตาสะสวยอีกคนในชุดพยาบาลสีขาวของที่นี่เหมือนกัน
“ ฉันมาผลัดเวรเฝ้าน่ะค่ะ ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ” เธอพูดอย่างยิ้มๆ
“ อ๋อ! งั้นเหรอจ๊ะ ว่าแต่...ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอเลยน่ะ ” พยาบาลสาวที่กำลังเก็บของอยู่ถามด้วยความสงสัย
“ คือฉันเพิ่งย้ายเข้ามาน่ะจ๊ะ ” เธอตอบพลางเดินเข้าไปข้างใน
“ เอ...ถ้ามีพยาบาลย้ายเข้ามาจริง ฉันก็ต้องรู้สิจ๊ะ ” พยาบาลเฝ้าไข้รุ่นพี่ยังไม่หยุดสงสัย
“ คือฉันใช้เส้นเข้ามาน่ะจ๊ะ เผอิญว่าพ่อฉันเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิผลกับผอ.โรงพยาบาลนี้น่ะ ” พยาบาลสาวสวยตอบด้วยน้ำเสียงถ่อมตัว แต่ในใจความจริงแล้วรู้สึกหมั่นไส้คนตรงหน้าจนแทบอยากฆ่าให้ตาย ส่วนพยาบาลรุ่นพี่เมื่อได้ฟังเรื่องที่ออกมาจากปากพยาบาลอีกคนแล้ซก็เริ่มมีความเกรงใจขึ้นมาทันที
“ เอ่อ...เหรอจ๊ะ งั้น...หมดเวรพี่แล้ว พี่ขอตัวก่อนนะ ” พูดจบเธอก็รีบเดินออกไปทันทีเมื่อเห็นพยาบาลเจ้าสงสัยเดินออกไปแล้ว พยาบาลสาแสนสวยก็เริ่มทำหน้าที่ทันที มิใช่หน้าที่ของพยาบาลหรอก หากแต่เป็นหน้าที่แห่งยมบาลต่างหาก!!
“ ก่อนอื่น...ต้องแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อนสินะค่ะ ” เธอพูดพลางมองไปที่ทั้งสองคนที่อยู่บนเตียง พร้อมกับทำหน้าโรคจิต
“ ดิฉัน เทียร่า เลขาของท่านทรีโน่ บอสแห่งทรีเซียโน่ ที่พวกท่านได้ฆ่าเขาไปยังไงล่ะค่ะ ตอนนี้ฉันจะมาทำหน้าที่แห่งยมบาล เพื่อมาปลิดชีพพวกคุณเองค่ะ!! ” เธอพูดพลางทำหน้าโหดเหี้ยม
“ ด้วยสีเขียวของกบ...สีเหลืองของหิ่งห้อย...และสีแดงเพลิงของดาวเคโคคุ...จงมาสถิตที่มือข้า แก้แค้นเพื่อท่านทรีโน่ร้อยหน ชนะร้อยหน แก้แค้นเพื่อท่านทรีโน่พันหน ชนะหันหน!! ” เธอพูดพลางเดินเข้าไปยังทั้งสองให้ใกล้ๆยิ่งขึ้น
“ น่าเสียดายนะ ที่ฉันมาคนเดียว ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงได้สนุกกันทั้งสองคนแน่ๆ เฮอะ!ไอ้พวกลูกน้องน่าโง่นั่นก็ป๊อดเหลือเกิน ขนาดทำเพื่อท่านทรีโน่ยังไม่ได้เลย ไอ่พวกสวะเอ้ยเลี่ยงไว้เสียข้าวเสียข้าวสุกจริงๆเลยน่าจะฆ่าทิ้งซพให้หมด ” เธอว่าพลางทำหน้าโกรธ
“ เอาใครดีน้า~! เอ๊ะ!! นึกออกแล้ว ทรี-เซีย-โน่ ” เธอว่าพลางชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างคนทั้งสอง
“ อ๊ะ!! ตกลงที่ลินลี่สินะ งั้นก็...ขอแสดงความดีใจล่วงหน้าเลยล่ะกันนะที่ท่านทรีโน่เลือกเธอ แล้วก็เสียใจด้วยนะคาน่าที่ท่านทรีโน่ไม่ได้เลือกเธอ ”เธอว่าพลางมองไปที่ลินลี่แล้วยิ้มอย่างมีเล่ห์
“ ไปกับฉันนะ เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอมีความสุขจนไม่รู้ลืมเลยล่ะ ” เธอว่าพลางค่อยๆถอดสายน้ำเกลือออกที่ติดอยู่บนแขนลินลี่ออก ก่อนที่จะพยุงคนที่นอนหลับด้วยฤทธิ์ยาออกไปจากห้อง
“ ทางสะดวกดีนี่ แหม!! พวกนั้นสะเพร่าจังเลยนะ ” เธอว่าพลางมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วเธอก็รีบพยุงลินลี่ไปยังทางหนีไฟเพื่อที่จะออกจากโรงพยาบาล
เธอพยุงลินลี่มาจนจะถึงรถเก๋งส่วนตัวของเธอแล้ว และกำลังจะเปิดประตูเพื่อนำลินลี่ใส่เข้ารถไป แต่ทว่า...
“ เฮ้!! นั่นเธอจะเอาคนไข้ไปไหนน่ะ ” บุรุษพยาบาลคนหนึ่งเห็นเธอเลยรีบตะโกนบอก ทำให้หญิงสาวตกใจไม่น้อย ก่อนที่จะรีบเปิดประตูและนำลินลี่ใส่เข้าไปในรถ
“ ฉันถามว่าเธอจะเอาคนไข้ไปไหน!! ” บุรุษพยาบาลตะโกนดังขึ้น พร้อมกับเดินมาหาเธออย่างรวดเร็วเทียร่ามองไปยังบุรุษพยาบาลหนุ่ม ก่อนที่จะชักปืนออกมาจ่อเขา
“ หุบปากได้แล้ว!!! ถ้าแกยังไม่เงียบล่ะก็ ตะกั่วลูกนี้เจาะกระบาลแกแน่!! แล้วแกก็จะได้ไปเป็นหมอในนรกชัวๆ ” เธอขู่ ทำให้หนุ่มพยาบาลชูมือขึ้นและหยุดกึกทันทีพร้อมทั้งรู้อีกว่าหญิงสาวคนนี้คงจะต้องลักพาตัวคนไข้คนนี้มาแน่ๆ แต่เขาจะไปทำอะไรได้ เพราะว่าตอนนี้เขายังเป็นรองคนตรงหน้าอยู่
“ อย่าเข้ามานะ!! ” เธอว่าพลางเปิดประตูรถของเธอด้านหน้าแล้วนำตัวเธอเข้าไปทั้งๆที่ปืนยังจ่ออยู่ที่พยาบาลหนุ่มคนนั้น
หลังจากที่เธอขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบบึ่งรถออกไปทันที โดยมีบุรุษพยาบาลหนุ่มยืนมองอยู่ เขารีบจำทะเบียนรถของเธอทันที ก่อนที่จะไปแจ้งให้ทางโรงพยาบาลรู้ เพื่อที่จะติดต่อญาติของคนไข้ต่อไปเมื่อริออน คริส ริส และพวกคาริน รู้เรื่องที่ว่าลินลี่ถูกใครบางคนจับตัวไป เขาก็รีบบึ่งมาที่โรงพยาบาลทันที โดยทีริออนดูท่าจะใจร้อนกว่าใครเค้าเพื่อน
“ ผมเป็นญาติของคนไข้ที่ชื่อลินลี่ครับ ” เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักของลินลี่แล้วเขารีบยิงคำถามใส่บุรุษพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างหน้าทันที พร้อมกับตำรวจที่ยืนอยู่แถวนั้นด้วย ในขณะที่คริสกับริสดินเข้าไปในห้องเพื่อไปดูว่าคาน่าเป็นอะไรบ้างรึเปล่า
“ ครับ ผมเป็นคนเห็นเหตุการณ์ครับ ” บุรุษพยาบาลพูดกับริออน
“ คุณรู้อะไรบ้างครับ!? ” ริออนถามอย่างใจร้อน
“ ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดพยาบาลกำลังนำตัวคนไข้ใส่เข้าไปในรถน่ะครับ แต่ผมไม่ได้ตามไป เพราะเธอมีปืนน่ะครับ ” เขาบอก
“ ผู้หญิง!? ” นิกะเริ่มรู้สึกตงิดใจอย่างเห็นได้ชัด เขาทำท่าเหมือนจะนึกอะไรออก
“ ครับ ผู้หญิงครับ น่าจะเป็นลูกครึ่งซะด้วย สวยทีเดียวล่ะ ผมสีน้ำตาลอ่อนๆ ตัวเล็กๆ หน้าตาสะสวย... ”
“ เอาแต่เนื้อ ไม่เอาน้ำ แล้วนายพอจะจำเลขทะเบียนได้มั๊ยล่ะ!? ” ริออนเร่ง
“ ผมจำได้ครับ เป็นรถเก๋งยี่ห้อ BMW สีดำหมายเลขทะเบียน กด 1927 ครับ ตอนนี้ทางตำรวจก็กำลังตามหาอยู่ด้วย ” เขาพูด
“ เดี๋ยวฉันไปช่วยตามหาด้วยดีกว่า ” เขาพุดพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาโรมาริโอ้
“ ฉันนึกออกแล้ว!! ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนขายน้ำที่เคยอยู่กับพวกนายแน่เลย เพราะแท้จริงแล้วเธอคือสปายของทรีเซียโน่ และเมื่อเห็นว่าบอสของตัวเองตาย เธอก็เลยกลับมาเพื่อแก้แค้นยังไงล่ะ ” นิกะพูด
“ อืม อาจจะเป็นไปได้ ” ริออนทำท่าทางนึก ก่อนที่จะเอารูปถ่ายที่ติดคนขายน้ำที่ถ่ายไว้ในโทรศัพท์ของลินลี่เพื่อให้บุรุษพยาบาลผู้เห็นเหตุการณ์ดู
“ ผู้หญิงที่นายเห็นใช่คนเดียวกันกับคนคนนี้รึเปล่า!?” เขาถามพลางยื่นภาพนั้นให้บุรุษพยาบาลดู ซึ่งเขาก็พยักหน้าเป็นเชิงใช่
“ ไม่ผิดแน่ ผู้หญิงคนนี้ต้องจับตัวลินลี่ไปเพื่อทำอะไรสักอย่างแน่นอน ” ริออนพูดพลางทำหน้าเคียดแค้นสุดๆ
“ หรือว่า...เขาจะลักไปฆ่ากัน ” รันที่เงียบอยู่หน้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“ แต่ฉันว่าคงไม่ได้ฆ่าหรอก เพราะว่าถ้าเธอจะฆ่า เธอคงฆ่าตั้งแต่อยู่ในโรงพยาบาลแล้วล่ะ แล้วก็น่าจะฆ่าทั้งสองคนที่อยู่ในห้องแล้วด้วย ” คารินอธิบาย
“ แล้วเธอจะลักพาตัวลินลี่ไปทำอะไรเหรอ!? ” รันยังคงสงสัยไม่หยุด
“ เรื่องนี้ฉันไม่รู้ แต่คิดว่ามันต้องยิ่งกว่าฆ่าอีก ” คารินพูดหวั่นๆ
“ แต่ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะลักพาตัวลินลี่ไปทำอะไร...ฉันก็จะต้องช่วยลินลี่ไว้ให้ได้ ” พูดจบริออน ก็เดินออกไปทันที
“ ท่าทางริออนน่าจะรู้ใจตัวเองแล้วนะ ” นิกะเอ่ย
“ ภาวนาให้เป็นเช่นที่เธอคิดล่ะกันนะ นิกะ ” คารินพูดพลางมองไปยังริออนที่กำลังโทรสั่งงาน โรมาริโอ้ด้วยท่าทางจริงจังอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
ทางด้านคริสที่เข้าไปดูคาน่าที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ในห้องพัก...
“ ดีจังเลยนะ คาน่า ที่แกไม่เป็นอะไร ” คริสพูดพลางลูบเส้นผมสีเงินของคาน่าอย่างอ่อนโยน ในขณะที่ริสยืนดูอยู่ห่างๆ
“ คาน่าถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันต้องคลั่งแน่ๆ ” พูดจบเขาก็จุมพิตที่หน้าผากของคาน่าไปทีหนึ่ง
“ ฉันน่ะ...ไม่ได้โง่เหมือนริออนแล้วนะ...ฉะนั้น แกต้องรีบตื่นมานะ ตื่นมาฟังคำสารภาพของฉัน ตื่นมาฟัง...คำว่า ‘รัก ’…จากปากของฉันแกอยากฟังมากไม่ใช้เหลอ คำๆนี้นะแก่รีบตื่นขึ้นมาฟังนะถ้าแกได้ฟังแล้วแกจะอึ้งเลยหละ ” คริสพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ ส่วนริสที่เห็นท่าว่าจะไปได้สวยก็กำลังจะหมุนกายกลับออกจากห้องไปเพื่อปล่อยให้สองคนนี้ได้อยู่ได้กันก่อน เมื่อทำธุระเสร็จแล้วจะมาเรียกกลับ แต่ทว่า...
“ ริส!! แกไปบอกไอ้พวกนั้นด้วย ว่าฉันจะนอนที่นี่ ให้พวกมันกลับไปก่อนได้เลย ” คริสเอ่ย
“ เอ่อ...คริสเพิ่งนอนหลับได้ไม่กี่ชั่วโมงเองนะค่ะ เจ๊ว่าคริสไปพักผ่อนที่โรงแรมเถอะค่ะ ” ริสท้วง
“ ไม่เป็นไร ฉันจะนอนเฝ้าคาน่าที่นี่แหละ อย่างน้อยก็ได้นอนน่า ”
“ แต่คริสค่ะ...”
“ ไม่ต้องพูดแล้ว นี่เป็นคำสั่ง!! ฉันจะนอนที่นี่ แกกลับไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน ” พูดจบคริสก็ก้มหน้าฟุบไปกับมือคาน่าที่อยู่บนเตียงคนป่วย ทำให้ริสได้แต่มองแบบยิ้มๆ
“ แหม กว่าจะรักกันได้ เจ๊เชียร์แทบตายเลยนะค่ะ แต่ไหงคริสกลับรู้ใจตัวเองได้ง่ายขนาดนี้เนี่ย ฮาฮ่าฮ่า สงสัยคงเป็นอย่างที่คริสบอกล่ะมั้งค่ะ ว่าตอนนี้คริสไม่ได้โง่แล้ว แต่ยังไงก็สมหวังไปแล้วคู่หนึ่ง จะเหลือก็แต่คู่ของริออนกับลินลี่สินะคะ แต่ก็คิดว่าคู่นี้ก็คงใกล้จบแล้วเหมือนกัน ภาวนาให้ริออนรู้ใจตัวเองให้เร็วๆด้วยเถอะ!! ” ริสคิดในใจ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
ยามเช้าที่สดใสสำหรับใครบางคนได้มาเยือนแล้ว.....
“ ฮ้าว!! ” คาน่าที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาอ้าปากหาวพลางยกมือขยี้ตา แต่เขากลับรู้สึกได้ว่าเขามีมือเพียงข้างเดียวเท่านั้นที่เขาสามารถนำมาขยี้ตาได้ แล้วมืออีกข้างล่ะ!?
“ เฮ้ยคริส!! ทำไมแกมานอนอยู่ตรงนี้ได้วะ ตื่นสิ ตื่นๆๆ ” คาน่าพูดพลางนำมืออีกข้างที่เหลือเขย่าตัวชคริสที่เอาหัวมานอนทับมือของเขาอยู่
“ หืม!? คาน่า แกตื่นแล้วเหรอ!? ” คริสเอ่ยถามบ้าง
“ เออสิวะว่าแต่...ทำไมแกถึงมานอนเฝ้าฉันได้ล่ะคนที่แกควรจะเฝ้าคือลินลี่ไม่ใช่เรอะ ” ประโยคหลังคาน่าเริ่มพูดเสียงอ่อนลง
“ ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องไปนั่งเฝ้ามันซักหน่อย ” คริสตอบ พลางยันตัวลุกขึ้นและโยกคอไปมาเพื่อผ่อนคลาย
“ ก็แกเป็นแฟนมันไม่ใช่เหรอ...เอ๋!? ” เมื่อคาน่าหันหน้าไปทางลินลี่ เขาก็ต้องตกใจที่ไม่เห็นลินลี่นอนอยู่ที่ตรงนั้นแล้ว
“ ลินลี่ย้ายไปแล้วเหรอ!? ” คาน่าถามคริสที่กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ
“ ฉันยังไม่บอกจนกว่าแกจะกินข้าว ” คริสตอบในขณะที่อยู่ห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว
“ ชิ!! ” คาน่าพูดพลางเสหน้าไปทางอื่น
“ อ่ะนี่!! ” คริสเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับแปรงสีฟันที่มียาสีฟันอยู่แล้ว และขันน้ำที่มีน้ำอีกขัน และไม่มีน้ำอีกขัน
“ อะ...อะไรน่ะ ” คาน่าถามอย่างงงๆ
“ ก็จะให้แกแปรงฟันไง ถ้าแกไม่แปรงแล้วจะปล่อยให้ปากเน่าแล้วจะกินข้าวได้เรอะ! ” เขาพูดพลางยื่นแปรงสีฟันให้คาน่าที่ยังทำหน้างงอยู่
“ อะ...อืม ” ซึ่งคาน่าก็รับมาอย่างงงๆ และแปลกใจที่ทำไมวันนี้คริสถึงดีกับเขาเป็นพิเศษ
หลังจากที่เขาแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลากินข้าว ซึ่งเป็นเวลาพอดีเลยกับที่แม่บ้านยกถาดอาหารเข้ามา
“ อี๋!! จืดอ่ะ ไม่กินแล้ว ” คาน่าพูดเหยๆหลังจากที่กินข้าวได้เพียง 2-3 คำ แล้วดันจานข้าวออกไป
“ ก็แกป่วยนี่ อาหารแบบนี้น่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว ” คริสเอ่ยแล้วดันจานข้าวเข้าหาคาน่า
“ ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่กินแล้ว ” คาน่าพูดพลางดันอาหารออกไปอีก ทำให้คริสต้องลุกขึ้นมาสั่งเอง
“ แกต้องกิน!! นี่เป็นคำสั่ง ”
“ ฉันไม่กิน!! นี่เป็นคำตอบ ” คาน่าเถียง เล่นเอาคริสอึ้งทีเดียว
“ แต่ฉันไม่ต้องการคำตอบ ฉันต้องการให้แกกิน!! ” คริสเอ่ยเสียงดัง
“ แต่ฉันไม่... ”
“ ถ้าแกไม่กิน ฉันจะป้อนแกเอง...ด้วยปากฉันนี่แหละ ตกลงแกจะกินดีๆ หรือจะให้ฉันใช้ปากป้อน ฉันว่าแกคงอยากให้ฉันใช้ปากป้อนมากกว่าละมั้ง จะได้มารสชาต ” คริสพูดพลางกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้คาน่าหน้าแดงทันที ก่อนที่จะเริ่มลงมือกินอาหารอย่างไม่อิดออด
“ ให้มันได้อย่างนี้สิ!! ” คริสเอ่ยอย่างพึงพอใจที่เขาบังคับคาน่าให้ทำตามคำสั่งของเขาได้
“ บอสครับ เราเจอตัวคุณหนูลินลี่แล้วครับ ” โรมาริโอ้พ่อบ้านของริออนเดินมาพร้อมกับเอกสารในมือ เพื่อยื่นให้กับริออน
“ อืม ดี ไหนดูหน่อย ” ริออนพูดพลางรับเอกสารจากคนสนิท ก่อนที่จะอ่านผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว
“ ข้อมูลนี้เชื่อถือได้ 99% เลยนะครับ บอส ” คนสนิทบอก
“ โธ่โว้ย!! แล้วทำไมนายเพิ่งจะมาหาเจอตอนนี้เนี่ย!! ” ริออนพูดอย่างหัวเสียหลังจากที่อ่านรายงานเสร็จแล้ว
“ แล้วบอสจะตามไปมั๊ยครับ ตอนที่ผมได้รับรายงานว่าคุณหนูลินลี่ถูกจับตัวไป แล้วเตรียมออกเดินทางไปอิตาลีทางเครื่องบินเนี่ย ผมคิดว่าบอสต้องตามไปแน่ๆ เลยเตรียมเครื่องบินส่วนตัวพร้อมแล้วครับ ” โรมาริโอ้รายงาน ทำให้ริออนพอใจได้ในส่วนหนึ่ง “ ดี งั้นไปกันเลย ” พูดจบริออนก็สตาร์ทรถยนต์ของตนเอง บอกให้โรมาริโอ้ขึ้นรถให้เร็วที่สุด เขาจะไปที่สนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินส่วนตัว
“ ว่าแต่...เครื่องบินเที่ยวนั้นที่จะไปน่ะ ออกเวลากี่โมง ” ริออนถามพลางขับรถไปด้วย
“ เพิ่งออกไปประมาณ 10 นาทีเองครับ ” โรมาริโอ้รายงาน ทำให้ริออนยิ่งเร่งขึ้นให้เร็วขึ้นไปอีก จนโรมาริโอ้ต้องร้องเตือน
“ บอสครับ!! อย่าใจร้อนนักสิครับ ยิ่งบอสขับเร็วอย่างนี้ โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุยิ่งมากนะครับ ถ้าบอสเป็นอะไรไปแล้วใครจะไปช่วนคุณหนูลินลี่ละครับ ”
“ แต่ถ้าขับช้า เดี๋ยวก็ไม่ทันการพอดี ป่านนี้ลินลี่จะเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ ถ้าลินลี่เป็นอะไรไปนะฉันจะฆ่าล้างโคดไอ่พวกกลุ่มทรีเซียโน่ให้หมดเลยคอกดู ” ริออนพูดอย่างร้อนรน ทำให้โรมาริไอ้ที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์นี้มาก่อน ได้แต่มองอย่างแปลกใจ
“ ถึงแล้ว ” ใช้เวลาเพียงไม่นานนักพวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงสนามบิน ริออนที่มีท่าทีร้อนใจมากก็รีบเร่งเดินไปยังเครื่องบินที่จอดรอเขาทันที
“ เครื่องพร้อมแล้วใช่มั๊ย!? ” ทันทีที่เขามาถึงเครื่องเขาก็รีบถามลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆเครื่องบินทันที
“ ครับ เป้าหมายคือมิลาน ประเทศอิตาลี ตอนนี้ขึ้นเครื่องได้เลยครับ ” เมื่อลูกน้องพูดจบ ริออนก็รีบขึ้นเครื่องทันทีโดยไม่ชักช้า
เครื่องบินค่อยๆยกตัวขึ้นจากทางรันเวย์ของสนามบิน และค่อยๆทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าเพื่อไปยังประเทศอิตาลีตามบัญชาของริออน ผู้เป็นบอสแห่งคาบัคโลเน่
“ เอ่อ...บอสครับ ผมยังลืมรายงานอีกแผ่นน่ะครับ นี่ครับ ” โรมาริโอ้พูดพลางยื่นรายงานให้ผู้เป็นนายของตนอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะเขาเองนี่แหละที่แอบเก็บเอกสารแผ่นนี้ไว้ เพราะถ้าขืนนำไปให้บอสของเขาอ่านตอนก่อนขับรถมาที่สนามบินล่ะก็ มีหวังบอสได้เร่งเครื่องจนเกิดอุบัติเหตุแน่ๆ
“ บัดซบ!! ผู้หญิงคนนั้นกล้าทำขนาดนี้เชียวเรอะ!! ” หลังจากที่เขาได้อ่านเอกสารแผ่นนั้น เขาก็โกรธขึ้นมาอีกมากทีเดียว และขยำเอกสารปาลงพื้นทันที
“ ครับ ผมว่ามันก็แรงเกินไปจริงๆ แล้วบอสจะทำยังไงต่อไปดีล่ะครับ!? ” โรมาริโอ้ทำสีหน้าทุกข์ร้อนไม่แพ้กัน พลางหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาคลี่ออกเพื่ออ่านอีกครั้ง
ประมูลมนุษย์
ลินลี่ ลูกสาวหัวหน้ากลุ่มชิม่อน ราคาเริ่มต้นประมูล 10,000,000 ยูโร เริ่มประมูลได้ตั้งแต่วันนี้
หมายเหตุ : บุคคลผู้นี้อยู่ในสภาพดีทุกประการ
“ ทำยังไงงั้นเรอะ!! ฉันก็จะทำทุกวิธีทางเพื่อช่วยลินลี่ออกมาน่ะสิ ว่าแต่...นายได้ส่งข่าวลูกน้องที่อิตาลีให้เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วใช่มั๊ย!? ” ประโยคหลังเขาถามลูกน้องคนสนิท
“ ครับ ทันทีที่พวกนั้นถึงสนามบิน คนของเราจะจับตัวไว้เลยครับ ” เขารายงาน
“ ดี ฉันแน่ใจว่าคนของเราทำได้ ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะปลอมตัวมา คนของเราก็ต้องตรวจผู้โดยสารทุกคนอยู่แล้ว หรือแม้แต่ว่าพวกนั้นจะมีลูกน้องมารอรับ คนของเราก็จะจัดการได้ ” ริออนพูดอย่างมั่นใจ พลางยิ้มอย่างโหดเหี้ยม
“ เอ่อ...ครับ ” โรมาริโอ้รับ ก่อนที่จะมองริออนด้วยสายตาที่มีแววพิศวงอย่างมาก เขาสงสัยจริงๆว่าทำไมเจ้านายของเขาถึงให้ความสำคัญกับลินลี่ขนาดนั้นล่ะ เพราะในเมื่อแต่ก่อน เจ้าตัวยังเคยบอกเองว่าคิดกับลินลี่แค่เพื่อนเท่านั้น แต่ตอนนี้เจ้านายของเขากลับเป็นห่วงลินลี่ซะจนออกนอกหน้าขนาดนี้ นี่ถ้าไม่รู้ไม่ก่อน ยังนึกเลยนะว่าเป็นคนรักกันนี่
ทางด้านคาน่า ที่ประเทศญี่ปุ่น.....
“ นี่ คริส ฉันกินหมดแล้วนะ แกจะตอบคำถามฉันได้รึยังน่ะว่าลินลี่อยู่ไหน!? ” คาน่าเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวที่หมดเกลี้ยงเพื่อถามคำถามกับคริส
“ แกจะรู้ไปทำไมล่ะ!? ” เขาไม่ตอบ แต่กลับย้อนอีกต่างหาก
“ นี่!! ก็ฉันพักห้องเดียวกันกับมัน แล้วมันหายไปอย่างนี้ ฉันก็ต้องเป็นห่วงน่ะสิว่ะ ” จากคำพูดของคาน่าเมื่อครู่ ทำให้คริสจ้องเขาเขม็งทันที
“ ห้ามพูดว่าเป็นห่วงใคร นอกจากฉัน!!! ” คริสเริ่มแสดงอาการหึงอย่างออกนอกหน้า ทำให้คาน่าหน้าแดงร้อนขึ้นมาทันที
“ แก...แกพูดอะไรน่ะ...ฉัน...ฉันไม่มีสิทธิ์ถึงขนาดนั้นหรอก ” ประโยคหลังคาน่าพูดด้วยดวงตาที่ร้อนผ่าว
“ ใครบอกว่าแกไม่มีสิทธิ์กันเล่า!! แกมีสิทธิ์มากกว่านี้อีก ” คริสพูดพลางเสหน้าออกไปทางอื่น เพราะตนเองก็ไม่อยากเห็นน้ำตาของคาน่าสักเท่าไร
“ คนที่แกควรจะพูดประโยคเมื่อกี้ด้วยคือลินลี่นะ ไม่ใช่ฉัน ” คาน่าพูดเสียงเบา
“ ฉันกับมันไม่ได้เป็นคนรักกัน!!! และไม่เคยเป็นด้วย!! ” คริสพูดเสียงดัง พลางจับหน้าคาน่าให้มองมาที่สายตาจริงจังของเขา
“ ทะ...ทำไมล่ะ...ฉัน...ฉันงงไปหมดแล้วนะ ” คาน่าพูดเสียงสั่นพลางมองคริสด้วยแววตาที่บอกถึงความงงงวยอย่างเห็นได้ชัด
“ ที่ฉันกับลินลี่ทำมันเป็นแค่แผนเท่านั้น”
“ หือ!? ”
“ แกก็รู้ใช่มั๊ยว่า ลินลี่ชอบริออนน่ะ ” คริสเอ่ยถามคาน่า
“ เอ่อ...ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นนะ แค่ว่า...หลังจากที่แกประกาศว่ารักกับลินลี่ฉันก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะ ” คาน่าตอบ
“ มันคือแผนน่ะ แผนที่คารินคิด มันคิดจะทำให้ริออนหึงลินลี่นะน่ะ แต่น่าเสียดาย...ที่ริออนนั่นโง่เกินกว่าที่จะรับรู้ถึงหัวใจตัวเอง ” คริสเฉลย
“ งั้น...งั้นก็แปลว่าแกไม่ได้รักลินลี่น่ะสิ ” คาน่าพูดด้วยน้ำเสียงดีใจเต็มที่ น้ำตาเริ่มไหลอีกครั้ง
“ ฉันจะรักมันได้ไง ในเมื่อ... ” คริสทิ้งค้างไว้อย่างนั้น พลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“ ในเมื่อ...ในเมื่ออะไรเล่า บอกว่าหน่อยสิ ฉันอยากรู้ ” คาน่าว่าพลางเขย่าแขนคริส
“ แกอยากรู้จริงๆเหรอ!? ” คริสหยอก
“ ใช่ๆ บอกมาเถอะๆ ”
“ ที่ฉันรักลินลี่ไม่ได้ ก็เพราะว่า...ฉันมีคนที่รักอยู่แล้วยังไงล่ะ ” คำตอบนี้ทำให้คาน่านั่งอึ้งไปหลายวิ ก่อนที่จะตัดสินใจถามคำถามอันตรายออกไป
“ แล้ว...คนที่แกรัก คือใครกันเหรอ!? ” เขาถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวในคำตอบ คริสเห็นดังนั้นจึงจุมพิตเบาๆที่หน้าผากคาน่าครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะไปกระซิบเบาๆที่ข้างหู เอ่ยถ้อยคำที่หวานแสนหวานออกมา
“ ฉันรักแกยังไงเล่า คาน่าของฉัน ” ฉับพลันนั้นคาน่าก็หน้าแดงเถือกขึ้นมาทันทีนั่งแข็งทื่อไม่ไหวติงอยู่หลายวิ และเมื่อเจ้าตัวรู้ตัวเองก็รีบนอนลงบนเตียงเอาผ้าห่มคลุมหน้าทันที
“ จะอายอะไรกัน คาน่า คนที่ควรอายต้องเป็นฉันไม่ใช่เรอะ!! ” คริสถามพลางดึงผ้าห่มออกจากคาน่า แต่ดึงเท่าไรก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
“ ใครจะหน้าด้านเหมือนแกเล่า!? เล่นบอกรักกันซึ่งๆแบบนี้ ฉันตั้งตัวไม่ทันหรอก ” คาน่าพูดเสียงอู้อี้ออกมาจากผ้าห่ม
“ งั้นฉันให้แกตั้งตัวอีกทีล่ะกัน เดี๋ยวฉันจะตะโกนบอกรักแกให้ลั่นโรงพยาบาลเลย ”
“ จะ...จะบ้าเหลอ...” คาน่าเอาตัวออกมาจากผ้าห่มพลางโวยวายเรื่องน่าไม่อายเสียงดัง แต่ไม่ทันที่คาน่าจะพูดจบ คริสก็จูบปากคาน่าทันที
“ ฉันรักแก ที่นี้พิสูจน์ได้แล้วนะ ” เมื่อคริสปล่อยคาน่าให้เป็นอิสระ ก็จู่โจมบอกรักอีกครั้งทันที
“ อึ่ก! ” คาน่าได้แต่ก้มหน้างุดกับความอายเมื่อครู่
“ ตอนนี้ฉันบอกรักแกแล้ว...ถึงตาแกบอกฉันบ้างล่ะ คาน่า ” คริสพูดเสียงนุ่ม
“ ฉะ...ฉันก็รักแก!! ” คาน่าพูดในขณะที่ตนเองยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น คริสจึงทนความน่ารักไม่ไหว ดึงคาน่ามากอดซะเลย
“ แกน่ารักมากจริงๆนะ คาน่า นี่ถ้าไม่ติดว่าแกควรจะพักผ่อนอีกล่ะก็ ฉันคงจะจูบแกให้นานกว่านี้แล้วล่ะ ” คริสพูดพลางติดตลก ทำให้คาน่าที่หน้าแดงอยู่แล้วกลับหน้าแดงสุกมากขึ้นไปอีก
“ ไอ้คริสบ้า!! หื่นกาม!! ” คาน่าตะโกนใส่หน้าคริส ก่อนที่จะมุดตัวกลับไปที่ผ้าห่มดังเดิมส่วนคริสได้แต่มองอย่างยิ้มๆ
เมื่อบอสหนุ่มแห่งคาบัคโลเน่ มาถึง ณ สนามบินเมืองมิลาน ประเทศอิตาลีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเดินไปขึ้นรถที่จอดรอเขาไว้ที่หน้าสนามบินทันที เพื่อไปยังสถานที่ที่เขาต้องการซึ่งสถานที่นั้นก็คือ...ที่ที่เทียร่าซ่อนลินลี่ไว้นั้นเอง
“ ทำงานเร็วดีนี่ แป็ปเดียวก็รู้ที่อยู่แล้ว ” ริออนเอ่ยชมลูกน้องก่อนที่เขาจะขึ้นรถ
“ ครับ ที่จริงเราเจอพวกนั้นตั้งแต่ลงจากเครื่องแล้วล่ะครับ แต่ว่าพวกนั้นมีลูกน้องมาตามคุมเพียบเลย ประมาณ 50 กว่าคน แต่พวกเราเอามากันแค่ 20 คนเองครับ และคิดว่าที่นั่นเป็นสนามบินกลัวจะเสี่ยงเกินไป และนอกจากนั้นพวกนั้นก็ยังง่ายแก่การหลบหนีด้วยครับ ต้องขออภัยด้วย ” ลูกน้องคนหนึ่งรายงานในขณะที่เดินไปยังตำแหน่งคนขับรถ
“ อืม ไม่เป็นไร ว่าแต่...ลินลี่เป็นไงบ้าง ” ริออนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง พยายามข่มความโกรธไว้
“ ท่าทางเขาเหมือนกับคนที่โดนยาคลายกล้ามเนื้อเลยครับ ท่าทางไม่มีแรงจนต้องมีคนช่วยพยุงเวลาเดินน่ะครับ ” เขารายงาน
“ กรอด!! ” ริออนพยายามกัดฟันข่มความโกรธที่แรงขึ้นอีก
“ บอสครับ ใจเย็นนะครับ ผมว่าเรามาคุยกันเรื่องแผนที่จะบุกเข้าไปชิงตัวคุณหนูลินลี่กันดีกว่านะครับ เพราะผมคิดว่าพวกนั้นคงต้องคุ้มกันอย่างแน่นหนามากเลยนะครับ และขืนถ้าเราวู่วามใช้กำลังเข้าไป คุณหนูลินลี่จะตกอยู่ในอันตรายนะครับ ” โรมาริโอเตือน
“ งั้นปลอมตัวเข้าไป จะเป็นเด็กส่งอาหารก็ได้ หรือไม่ก็ช่างไฟอะไรแนวนี้ ” ริออนให้ ความเห็น
“ ผมก็คิดได้อย่างนั้นนะครับ เพียงแต่ว่าใครจะไปกันดีล่ะ แล้วเทียร่าอะไรนั่นจะอยู่บ้านมั๊ย!? ”
“ ผมสืบมาแล้วครับตอนนี้เทียร่าไปเคลียร์งานอยู่ที่ทำงานน่ะครับไม่ได้อยู่บ้านหรอก ” ลูกน้องคนหนึ่งตอบ
“ อื่มดี เอาเป็นว่าจะเข้าไปสองคน คือ ลูกน้องฝีมือดีสักคนที่ไม่ใช่โรมาริโอ้ แล้วก็ฉัน จะปลอมไปเป็นช่างไฟฟ้าน่ะ ” ริออนพูดพลางคิดต่อ
“ แต่มันเสี่ยงน่ะครับ... ”
“ ไม่เป็นไร ฉันจะไปช่วยลินลี่เอง นายคอยดูลาดเลาและสถานการณ์อยู่ข้างนอก เผื่อเกิดเหตุอะไรจะได้เรียกกำลังเสริมทันที ” ริออนตอบ
“ เอ่อ...ครับ ” โรมารอโอ้รับมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะในใจก็นึกห่วงบอสของเขาอยู่มาก
ไม่นานนัก รถเก๋งสีดำที่ริออนนั่งอยู่ก็ได้เลื่อนมาจอดตรงปากซอยทางเข้าไปยังบ้านที่จับตัวลินลี่ไว้อยู่
“ โอเคครับบอส ปลอมตัวเรีบร้อยแล้วสินะครับ เดี๋ยวบอสกับคนขับรถต้องถืออุปกรณ์ไปด้วยนะครับ อย่าลืมล่ะ ส่วนเลขที่บ้าน...นายคงรู้แล้วสินะ ” ประโยคหลังโรมาริโอ้หันมาถามลูกน้องที่ทำหน้าที่คนขับรถ
“ ครับ ” เขารับพลางยันตัวเองขึ้นจากรถเพื่อไปนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่อยู่หน้าปากซอยเพื่อเข้าไปยังบ้านหลังนั้น
“ ไปกันเถอะ ” บอสแห่งคาโลเน่สั่งในขณะที่ตนเองอยู่บนมอเตอร์ไซค์เรียบร้อยแล้วเพียงไม่กี่นาที รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 2 คันก็ได้ขี่มาจอดที่หน้าบ้านดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย ลูกน้องของเขาจ่ายเงินค่าโดยสาร ในขณะที่ริออนกดออดที่อยู่ตรงหน้าประตู
“ มาหาใคร!? ” ชายที่ใส่ชุดดำท่าทางจะเป็นบอดี้การ์ดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ ผมเป็นช่างไฟฟ้า จะมาซ่อมไฟฟ้าในบ้านน่ะครับ คุณเทียร่าโทรมาบอกว่ามันมีอาการขัดข้องอยู่น่ะ ” ริออนที่ปลอมตัวเป็นช่างไฟฟ้าหัวสีดำเอ่ยขึ้น
“ อา...งั้นเหรอ!? ฉันไม่เห็นว่าคุณเทียร่าจะสั่งอะไรเลยนี่ ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง
“ คุณเทียร่าเพิ่งโทรมาบอกเมื่อสักครู่เองครับ คงยังไม่ได้บอกคุณล่ะสิท่า ” ริออนตอบ
“ เอ่อ...งั้นเหรอ!? อืม...ก็เข้าไปซ่อมสิ ” บอดี้การ์ดพูดอย่างงงๆก่อนที่จะเปิดประตูให้เข้าบ้านได้
เมื่อเดินมาถึงในบ้านแล้ว ริออนก็ให้แม่บ้านพาไปยังห้องที่ซ่อนตัวของลินลี่ทันที โดยอ้างว่าไปซ่อมหลอดไฟบนหัวเตียงที่ห้องนั้น ซึ่งแม่บ้านก็ออกอาการงงๆเหมือนบอดี้การ์ดเหมือนกัน แต่ก็ยอมให้เข้าไปโดยดี
เมื่อมาถึงห้องดังกล่าวแล้ว ริออนเจอลินลี่ที่ถูกยาคลายกล้ามเนื้อนอนอยู่บนเตียงอย่างหมดแรง เขารีบโผไปกอดลินลี่ไว้ทันที
“ ลินลี่ๆ โชคดีจัง ที่เธอไม่เป็นอะไร รู้มั๊ยว่าฉันแทบจะเป็นบ้าเลยนะที่เห็นเธอหายตัวไปจากโรงพยาบาลน่ะ ” ริออนพูดรัวเป็นชุดในขณะที่กอดลินลี่ที่สั่นอยู่นั้น
“ ฮึก...ฉัน...ฉันก็ดีใจนะ..ที่...ที่นายยังมาช่วยฉัน...ฮึก...ริออน...ฉัน...ฉันกลัว ” ลินลี่พูดพลางสะอึกสะอื้น
“ อืมๆ...ไม่ต้องกลัวแล้วนะ..ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว...ฉันจะไม่ไปไหนอีก...ไม่เป็นไรแล้วนะ ” ริออนลูบหัวลินลี่เพื่อปลอบขวัญ
“ ว่าแต่..ทำไมนายต้องมาช่วยฉันด้วยล่ะ..คนที่นายควรดูแล...คือคาน่าไม่ใช่รึไง!? ” เขาว่าพลางทำหน้าน้อยใจและกัดฟันเพื่อไม่ให้ตนเองส่งเสียงสะอื้นไปมากกว่านี้
“ ฉันขอโทษนะ ลินลี่ ขอโทษจริงๆ ฉัน... ” ยังไม่ทันที่ริออนจะได้พูดจบ ก็มีเสียงเปิดประตูดังปังขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับปรากฎร่างของลูกน้องของเขาที่เทียร่าหิ้วมาในสภาพสะบักสบอมด้วย
“ หึ!! แสบเหลือเกินนะ ริออน นี่ถ้าฉันไม่ลืมเอกสารแล้วกลับมาที่นี่ ลินลี่ก็คงโดนนายพากลับไปแล้วสินะ ” เธอว่าพลางโยนลูกน้องของริออนไปบนพื้น
“ หึ!! เธอก็กล้าเหมือนกันนี่ ที่กล้าจับคนของฉันไปขายในตลาดมืดน่ะ ” ริออนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาติดโหดเหี้ยมเล็กน้อย
“ จะยังไงก็ช่าง!! ฉันต้องการให้พวกแกได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่สูญเสียคนรักเหมือนกับฉันที่สูญเสียท่านทรีโน่ไปยังไงล่ะ!!!! ” เธอพูดเสียงดังพลางยิ้มปืนออกมาจากด้านข้างลำตัว ในขณะที่ริออนก็จะหยิบปืนออกมาเช่นกัน
“ ไอ้หมอนั่นมันเป็นวอนหาที่ตายเอง ถ้ามันไม่จับตัวลินลี่กับคาน่าไปล่ะก็...มันคงไม่มีจุดจบแสนทุเรศขนาดนั้นหรอก!!! ” ริออนพูดพลางดึงปืนออกมาเตรียมสู้เต็มที่
“ นี่แกจะดูถูกท่านทรีโน่มากเกินไปแล้วนะ!! ” พูดจบเธอก็ยิงกระสุนออกมาปืนทันทีลูกประสุนวิ่งไปที่แขนข้างซ้ายริออน อย่างจัง ทำให้ริออนทรุดลงไปทันที
“ เธออยากจะสู้กับฉันงั้นเหรอ!? ” ริออนพูดเสียงเหี้ยม พร้อมกับยันกายลุกขึ้นจากพื้นมือหนึ่งถือปืนพร้อมยิงทันที่
“ ลินลี่หลบไปก่อนนะ ” ริออนรีบดันลินลี่ให้ออกจากบริเวณวิธีที่ลูกกระสุนอาจจะโดน
“ เหอะ! เอาสิริออน มาดูกันว่าระหว่างลูกปืนของใครมันจะเร็วกว่ากัน ” พูดจบเธอก็ยกร่างลูกน้องของริออนขึ้นมาและผลักไปทางริออนทันทีเพื่อให้เสียหลัก จากนั้นเธอก็เหนี่ยวไกปืน แต่ริออนหลบได้ ริออนยิงปืนไปที่ขาของเทียร่าเพื่อให้เธอล้ม
“ โอ้ย!! ” ฉวยจังหวะที่เทียร่าล้มอยู่ ริออนก็รีบยันตัวขึ้นทันที และเอื้อมมือจะไปหยิบปืนของเทียร่า แต่ทว่า
“ ปัง!! ” กระสุนพุ่งออกมาจากด้านหน้าประตูใส่สีข้างของริออนตรงจุดสำคัญอย่างจัง พร้อมกับร่างของลูกน้องเทียร่าประมาณ 5 คนยืนขวางประตูอยู่
“ หึ!! ลืมไปรึเปล่า ริออน ว่าที่นี่น่ะ...ถิ่นฉัน!! ถึงแม้นายจะเตรียมลูกน้องมามากเท่าไร ก็สู้ไม่ไหวอยู่ดี ” เลขาสาวพูดพร้อมลุกขึ้นจากการล้มเมื่อครู่ พร้อมกับเอาปืนจ่อไปที่หัวของริออน
“ อึก... ” ริออนพยายามยับยั้งความเจ็บพร้อมกับพยายามดันตัวขึ้นอีกครา
“ ฮะฮาฮ่า สภาพนี่ดูไม่ได้เลยนะ ริออน น่าสมเพศจริงๆ!!! ” เธอพูดกระแทกเสียงดัง ในขณะที่ลินลี่ก็พยายามคลานเข้าไปหยิบปืนจากร่างของลูกน้องริออนที่ถูกเทียร่าจัดการ
“ นี่ ใครมีกล้องบ้าง เอามาถ่ายฉากที่บอสแห่งคาบัคโลเน่จะถูกฆ่าทีสิ!! ” เธอพูดพลางยิ้มอย่างสะใจ
“ คนที่จะตายคือแกนั่นแหละ!!! ” ลินลี่ตะโกนเสียงดัง ในขณะที่ในมือของเขาก็ถือปืนจ่อไปที่อดีตเลขาสาวของทรีโน่
“ นี่แก...ทำไมพวกแกไม่คอยจับตามองมันให้ดีล่ะ ไอ้โง่!! ” เธอชะงักกับท่าทีของลินลี่ก่อนที่จะหันไปตวาดลูกน้องของตน
“ หยุดโวยวายสักที แกเองต่างหากสิโง่!! ” ลินลี่ฉวยโอกาสที่เทียร่าหันไปวีนใส่ลูกน้องนั้นยิงเข้าไปที่หน้าอกเธอทันที แต่เนื่องจากลินลี่ถูกให้ยาคลายกล้ามเนื้อไป เขาจึงไม่มีแรงทำให้ยิงพลาดไปโดนท้องของเทียร่าแทน
“ อุ๊ก!! ” เธอล้มไปกองกับพื้น ในขณะที่ลูกน้องของเธอยังคงทำหน้าเลิ่กลั่กกันอยู่ว่าจะยิงลินลี่ดีมั๊ย
“ แกมันผิดเอง ” ลินลี่ ก่อนที่จะเล็งไปที่หน้าอกของเทียร่าอีกครั้ง แต่ลูกน้องของเทียร่าคนหนึ่งกลับยิงสวนออกไปที่ลินลี่ทันที และ...
“ ปัง!!!! ” สิ้นเสียงปืน ริออนที่กำลังพยายามลุกขึ้นก็แทบทรุดทันที เมื่อเขาได้เห็นลินลี่ที่เขาอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตมาช่วยถึงที่นี่กลับล้มลงไปอย่างง่ายดาย กระสุนพุ่งเข้าไปที่ท้องของลินลี่เข้าอย่างจัง เต็มเม็ดเต็มหน่วย
“ ลินลี่!!! ” ริออนตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง หยาดน้ำใสๆไหลรินออกมาจากดวงตาอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับวิ่งเข้าไปประคองลินลี่ที่หายใจอ่อนรวยรินอยู่นั้น
“ นายร้องไห้เพื่อฉันเหรอ!? ริออน นี่เป็นน้ำตาเพื่อฉันจริงๆใช่มั๊ย!? ” ลินลี่พูดออกมาในขณะที่ดวงตาเริ่มจะปิดแล้ว
“ เธอต้องไม่เป็นไรนะลินลี่...อย่าเพิ่งไปจากฉันล่ะ...ฮึก...ฉันรู้ตัวว่าฉันทำผิดกับเธอมากมาย...แต่ขอร้องล่ะ...อย่าทำให้ฉันทรมานตัวเองด้วยการจากไปของเธอเลยนะ…ฮือ...ให้โอกาสฉัน...ให้โอกาสฉันแก้ตัวกับความผิดที่ฉันเคยทำไว้ก่อนนะ...ได้โปรด จะให้ฉันทำอะไรก็ยอม ต้องแลกด้วยอะไรฉันก็จะแลก ถึงต้องแลกด้วยชีวิตฉันก็ยอม ” ริออนร้องไห้พลางกอดลินลี่ไว้ราวกับว่ากลัวลินลี่นั้นจะสลายหายไป
“ ฮะ...ฉัน...ฉันไม่เคยโกรธแกสักหน่อย ” ลินลี่พยายามพูด ในขณะที่เริ่มหอบหายใจหนักแล้ว
“ ถ้าเธอไม่โกรธไม่เกลียดฉัน...งั้นสัญญาสิ...ว่าเธอจะต้องไม่เป็นอะไร...เธอจะต้องรอฟังคำพูดที่แสนวิเศษของฉันก่อน เธอจะต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต ”
“ อะไรเล่า!?...อย่าโอ้เอ้สิ...บอกก็บอกมา ก่อนที่จะไม่มีโอกาสที่จะบอก ”
“ ไม่ได้หรอก...เธอต้องสัญญาก่อนนะ ” ริออนพูดพลางยกนิ้วก้อยของตนเองขึ้น ในขณะที่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด
“ ฉัน...สัญญา ” ลินลี่รวมพลังพูดก่อนที่จะพยายามยกนิ้วก้อยของตนไปเกี่ยวกับริออนและก็...ยิ้ม...ยิ้มให้กับคำมั่นสัญญาระหว่างเราสอง
“ ลินลี่... ” ริออนก้มหน้าและพยายามกัดฟันตนเองเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นออกมาได้ ก่อนที่จะจุมพิตแผ่วเบาที่หน้ามนของลินลี่
“ เอาสิ!! ตอนนี้...ลุยเข้ามาเลย ” ริออนคว้าปืนออกมาจากมือของลินลี่ และลุกขึ้น เขาเงยหน้าที่เปื้อนหยาดน้ำตาขึ้นมา และยิ้มด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม ทำเอาลูกน้องของเทียร่าคนนึงที่เคยยิงลินลี่สั่นสะท้านด้วยความกลัว
“ ปัง!!!...ปัง!!!...ปัง!!!...ปัง!!!...ปัง!!! ” กระสุน 5 นัดแก่ลูกน้อง 5 คนที่ยืนสั่นอยู่หน้าประตู ทั้งหมดล้มลงไปตามๆกัน เพราะกระสุนที่เจาะหน้าผากอย่างแม่นยำ
“ ถึงตาเธอแล้ว เทียร่า!! ไม่ต้องทำมาเป็นแกล้งตายหรอก ยัยคนขี้คลาด!! ” ริออนพูดพลางเตะตัวเทียร่าให้นอนหงาย และทันใดนั้น เทียร่าก็ยิงไปที่ริออนทันที และแน่นอนอยู่แล้วว่าเขาหลบทัน เขาคิดไว้แล้วล่ะว่าเธอต้องใช้วิธีการนี้
“ อะ...เหอะ...ปะ...เป็นไงล่ะ...ความรู้สึกที่สูญเสียคนรักน่ะ...เจ็บมั๊ย!? ” เธอลุกขึ้นมาจากพื้นมือหนึ่งถือปืนสั่นระริก ส่วนอีกมือกุมท้องที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
“ คนที่ทำให้เกิดการสูญเสียครั้งนี้...คือทรีโน่ของเธอไม่ใช่เรอะ...ถ้ามันไม่จับตัว ลินลี่มา...มันก็ไม่ต้องมาตายหรอก ” ริออนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา มือหนึ่งเขาก็ถือปืนเหมือนกัน ส่วนอีกมือกุมแผลที่หัวไหล่ สภาพของคนทั้งสองก็ไม่ต่างกันนักหรอก
“ ฮะฮ่ะฮา ฮะฮ่ะฮ่า อะฮะฮ่ะ ” เทียร่าหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งและไม่มีสาเหตุ
“ หยุดโรคจิตได้แล้ว เราจะได้มาตัดสินกันซักที ” ริออนพยายามข่มอารมณ์
“ ตัดสินเรอะ ตัดสินอะไร!!! ยังไงถึงนายไม่ได้ตายด้วยน้ำมือฉัน ลูกน้องฉันก็ต้องมาฆ่านายอยู่ดีแหละ!! ”
“ เธอแน่ใจเหรอ!? เธอนี่นะ ชักจะดูถูกคาบัคโลเน่กับชิม่อนซะแล้วล่ะ อย่าลืมน่ะ ว่าฉันเป็นบอสแห่งคาบัคโลเน่และลินลี่ก็เป็นลูกสาวหัวหน้ากลุ่มชิม่อนไม่มีใครอยากให้เป็นอะไรไปหรอก!!!! ” ริออนพูดพลางยิ้มเยาะ
“ อ่ะ...แต่...แต่ที่นี่ถิ่นฉัน...ได้ยินมั๊ยว่าที่นี่น่ะบ้านฉัน!!!!! ” เทียร่าเริ่มเสียศูนย์จากคำพูดของริออน เธอย้อนไปคิดถึงคำพูดของทรีโน่ที่เคยเตือนไว้
“ ฮะฮ่า ท่าทางเธอไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไรเลยนะ กับคำพูดเมื่อกี้น่ะ ”
“ เฮอะ!!!! ตายซะเถอะแก!!! ” พูดจบเทียร่าก็ยิงไปที่ริออนทันที แต่เขาหลบทัน
“ นี่...ใจจริงฉันไม่ได้อยากทำร้ายผู้หญิงหรอกนะ เพราะรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าเธอเป็นเลขาของทรีโน่ไม่ใช่บอดี้การ์ด ดังนั้นเรื่องต่อสู้ก็คงไม่เท่าไรหรอกมั้ง ”
“ อย่ามาดูถูกฉันนะ!!! ” เธอเกรี้ยวกราดมากขึ้น และเล็งยิงไปที่ริออนทุกที่ และแน่นอนว่าริออนก็หลบได้ทุกทีเช่นกัน
“ นี่ เธอยิงไปแบบนี้ก็เปลืองลูกกระสุนซะเปล่านะ เรามาดวลกันดีกว่า ตัวต่อตัว!!! ” ริออนออกความคิด ทำให้เทียร่าชะงักไป ก่อนที่จะลดปืนลง
“ เอาสิ เรื่องความเร็วฉันก็ไม่แพ้ใครหรอกนะ ” เทียร่าพูด เธอเริ่มสงบสติได้แล้ว
“ ดี งั้นหันหลังชนกัน ก้าวเดินหน้า 3 ก้าว นับ 1-3 แล้วยิง ” ริออนพูด
“ อย่าโกงล่ะ ” เทียร่าว่าพลางถอดลูกกระสุนของตนออกจากเม็กจนเหลือนัดเดียว
“ ฉันไม่อ่อนแอขนาดโกงผู้หญิงหรอก เธอก็เหมือนกันล่ะ ” ริออนทำแบบเทียร่าเช่นกัน
“ ฉันน่ะแมนกว่าผู้ชายอีกนะ ” เมื่อทั้งสองพูดคุยกันจบ ก็หันหลังชนกันทันที
“ มีอะไรจะพูดมั๊ย!? ” ริออนถาม
“ ถ้าฉันตาย...อึก...ฉะ...ฉันจะได้อยู่กับท่านทรีโน่...แต่...แต่ถ้าฉันไม่ตาย...ฉัน...ฮึกฉันจะสืบทอดเจตนารมณ์ของ...ท่านทรีโน่...ต่อ ” เทียร่าพูดพร้อมสะอึกสะอื้นไปด้วย
“ ถ้าฉันตาย...เท่ากับว่าฉันไม่รักษาสัญญา เพราะฉันไม่มีโอกาสได้พูดคำแสนวิเศษให้ลินลี่ฟัง...ดังนั้น...ฉันจะไม่ตาย ” ริออนพูดพร้อมกัดฟันเพื่อสะกดน้ำตาไว้
“ แล้วถ้าลินลี่ตายล่ะ ” เทียร่าถาม
“ ลินลี่จะไม่ตาย!!!”
“ ยาคลายกล้ามเนื้อน่ะ มันทำให้ไม่มีแรงนะ เมื่อลินลี่ของนายโดนกระสุนขนาดนั้นแล้ว เขาจะมีแรงหายใจอีกเหรอ!? ”
“ ลินลี่แค่พักผ่อน และเขากำลังจะตื่นมาด้วย ไม่ได้ตาย อีกอย่าง...ลินลี่สัญญากับฉันไว้แล้ว...ว่าจะไม่ตาย ดังนั้นฉันเองก็ต้องไม่ตายด้วย ”
“ เฮอะ!!! จะยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้มาดวลกันให้รู้แพ้รู้ชนะกันเลยดีกว่า ” เทียร่าพูดแบบปัดรำคาญ
“ หึ!! ถ้าต้องการอย่างนั้นก็ได้นะ ” ริออนแสยะยิ้ม
“ 1...2...3...ปัง!!!/ปัง!!! ” สิ้นเสียงปืนสองนัด ร่างทั้งคู่ก็ล่วงหล่นลงพื้นทันที เทียร่าถูกริออนยิงที่ศีรษะ ตายทันที ส่วนริออนโดนยิงที่กลางอกต่ำลงมาเกือบถึงท้อง เขาพยายามตะเกียดตะกายไปหาลินลี่
“ ลินลี่ ” เขาว่าพลางเลื่อนมือของตนไปจับมือลินลี่ไว้ ก่อนที่จะหมดสติอยู่ที่ตรงนั้น...ข้างๆกัน
หลังจากเสร็จสิ้นเสียงปืนโรมาริโอ้ก็พาลูกน้องเข้ามาพอดีแล้วภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็คือภาพบอสของเค้านอนจมกองเลือดอยู่โรมาริโอ้รีบสั่งให้ลูกน้องของเค้าโทรเรียกรถพยาบาลมาทันทีแล้วทำเรื่องย้ายริออนและลินลี่จากอิตาลีกลับญี่ปุ่น
ริออนค่อยๆลืมตาอันหนึกอึ้งขึ้น เขาพบกับผนังห้องสีขาวสว่างของโรงพยาบาล
“ นี่ฉัน...ยังไม่ตายอีกเหรอ!? ” ริออนพึมพำ ทำให้ผู้เฝ้าไข้รีบลุกขึ้นมาดูอาการทันที
“ อ๊ะ...ริออนฟื้นแล้ว ” นิกะพูดอย่างดีใจ ก่อนที่จะเอื้อมมือเล็กไปกดกริ่งเรียกหาพยาบาล
“ นิ...นิกะ...ลิน...ลินลี่เป็นยังไงบ้าง!? ” ริอออนถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงอย่าชัดเจน
“ อะ...เอ่อฉันว่าเดี๋ยวริออนรอหมอก่อนดีกว่านะ...เดี๋ยวฉันไปบอกข่าวที่นายฟื้นกับคนอื่นก่อน ” นิกะเลี่ยงไม่ตอบ ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วด้วยอาการเหงื่อตกสักพักคุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการต่างๆของริออน เนื่องจากกระสุนยิงเข้ามาระหว่างช่องว่างของปอดทั้งสองข้างพอดี เขาเลยไม่เป็นอะไรมาก และสั่งให้พักผ่อนอีกประมาณ 1 อาทิตย์จึงจะกลับบ้านได้ ในขณะที่พวกเพื่อนๆก็เดินเข้ามาพอดี
“ หมอครับ...แล้วคนไข้ที่ชื่อ...ลินลี่ล่ะครับ เขาเป็นไงบ้าง!? ” ริออนอดที่จะถามไม่ได้
“ หมอค่ะ!!! ฉันว่าหมอไปตรวจคนไข้คนอื่นได้แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวผมดูแลเขาเอง ” คารินชิงพูดก่อนที่หมอจะอ้าปาก พร้อมกับเชิญหมอออกจากห้อง ทำให้หมอต้องเดินออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ นี่พวกเธอคิดจะปิดบังเรื่องลินลี่กับฉันรึไง!! ” ริออนถามอย่างโกรธๆ
“ หน้าที่ของแกตอนนี้คือพักผ่อน!! ไม่ใช่มามัวนั่งห่วงคนอื่น ” คริสตอบกลับ
“ แล้วนายมาเป็นฉันล่ะคริส แล้วลินลี่มาเป็นคาน่าล่ะ นายคิดว่าตอนนี้นายจะมามีอารมณ์พักผ่อนรึไง!!! ” ริออนตอกกลับเข้าให้ ทำให้คริสถึงกับอึ้งทีเดียว
“ ... ” ทุกคนต่างนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอีกทั้งนั้น สีหน้าของพวกเขามีความลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“ บอกฉันมาเถอะ...การที่ฉันไม่รู้อะไรเลยมันจะแย่กว่าการที่ฉันรู้อีกนะ ” ริออนพูดอย่างเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความเศร้าและการเตรียมใจรับสถานการณ์ที่น่าหวาดกลัว
“ ลินลี่ยังไม่ฟื้นเลย หมอบอกว่านับจากนี้อีก 3 วัน ถ้าไม่ฟื้นก็คง... ” คาน่าทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนที่จะทำหน้ากระอีกกระอวนใจ
“ คงอะไร!? คาน่า บอกมาเถอะ ขอร้องล่ะ ” ริออนที่น้ำตาเริ่มปริ่มพูดขอร้องอย่างน่าสงสาร
“ คงจะเป็นเจ้าหญิงนิทราน่ะ ” ริสตอบแทน ทำเอาริออนแทบทรุด เขามีสีหน้ากระวนใจอย่าเห็นได้ชัดทุกคนในที่นั้นนิ่งเงียบไม่พูดอะไรอยู่หลายนาที จนในที่สุด...ริออนจึงเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“ ฉัน...ขออยู่คนเดียวเถอะนะ ” สิ้นประโยคนี้ ทุกคนก็หันหลังเดินออกจากห้องทันทีโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ...
“ ลินลี่~ อรุณสวัสดิ์น้า~ ” ริออนพูดพลางจูบที่ปากนิ่มๆหนึ่งที วันนี้เป็นวันขีดเส้นตายของลินลี่แล้ว แต่ริออนก็ยังคงทำเหมือนเดิมทุกวัน เขายังคง มอร์นิ่งคิส ลินลี่เสมอ ตั้งแต่เขาย้ายมาห้องเดียวกับลินลี่แล้ว เขาก็ได้แต่นั่งเฝ้าไข้อยู่ข้างเตียงลินลี่ทั้งวัน ไม่ยอมลุกไปไหนเหมือนกับคนบ้าที่พูดอยู่คนเดียว เพียงแต่ว่าวันนี้เขารู้สึกกดดันเป็นพิเศษ
“ วันนี้เป็นวันที่ฉันกลัวที่สุดเลยนะ ลินลี่รู้มั๊ย!? ฉันกลัวจริงๆนะ...กลัวว่า...เธอจะไม่ยอมตื่นขึ้นมาน่ะสิ แต่ถ้าเธอตื่นขึ้มมาฉันก็กลัว...กลัวว่า...เธอจะแกล้งหลอกความจำเสื่อมลืมฉันมั๊ย!?...กลัว...กลัวว่าเธอตื่นขึ้นมาจะผลักไสฉัน...กลัว...ฉันกลัวต่อสิ่งที่ยังมองไม่เห็น...แต่ได้โปรดเถอะลินลี่...ตื่นมาเถอะนะ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของฉันฉันก็ยอมเพราะฉะนั้นตื่นขึ้นมาเถอะนะลินลี่ ” ริออนว่าพลางกุมมือลินลี่ไว้
“ วันนี้...ฉันเอาตุ๊กตาคู่รักที่เธอเคยซื้อจากโตเกียวมาด้วยนะ...เห็นมั๊ย...เหมือนฉันกับลินลี่เลยเน๊อะน่ารักดี ” ริออนพูดพลางหยิบตุ๊กตากระเบื้องเคลือบตัวดังกล่าวขึ้นมาวางไว้ที่มืออีกข้างของลินลี่ ก่อนที่ตนเองจะก้มหน้าไปซุกกับมือเล็กนั่น
“ ลินลี่ต้องตื่นมานะ...ไหนสัญญาแล้วไง...สัญญาว่าจะรอ...ฮึก...รอฟังคำพูดแสนวิเศษของฉัน...เธอสัญญาแล้วนะ... อย่าลืมซะสิ...อึก...คนอย่างลินลี่ ไม่เคยผิดสัญญาไม่ใช่เหรอ!?...ตื่นขึ้นมาเถอะนะ...ขอร้องล่ะ ” ริออนเริ่มสะอึกสะอื้น
“ ถ้าลินลี่ตื่นมาเจอกับฉัน...ฉันยอมเป็นทาสรับใช้เธอเลยเอ้า!..ฮึก...ให้สาสม...กับที่ฉันทำไว้กับเธอไงจะพาฉันไปทรมานไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็ได้ ลินลี่สั่งอะไรฉันจะทำตามทุกอย่างเลย...ดังนั้น...ตื่นมาเถอะนะ...ขอร้องล่ะ...ลินลี่ ” ริออนยังคงสะอึกสะอื้นต่อไป จนไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของมือเล็กที่เริ่มขยับ
“ ตื่นมาเถอะนะ...ลินลี่...ตื่นมาลงโทษฉัน...ที่ฉันทำไม่ดีกับเธอไว้...จะทำร้ายฉันยังไงก็ได้...จะเกลียดฉันก็ได้...แต่ได้โปรด...ตื่นมาฟังคำพูดที่ฉันอยากจะบอกลินลี่ก่อนเถอะนะ ”
“ แกพูดแล้วนะ ไอ้ริออนบ้า ว่าแกจะยอมเป็นทาสฉัน ” เสียงแหบพร่าของลินลี่ดังขึ้นเข้าหูริออน ถึงแม้จะเบาแสนเบา แต่เขาก็ยังได้ยิน
“ ตื่นแล้วเหรอ!? ลินลี่ ” ริออนเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างตื่นเต้น แต่เขากลับต้องหน้าหงอยลงไปอีก เพราะลินลี่ที่เขาเห็นอยู่นั้น ยังคงหลับตาสนิทอยู่เหมือนเดิม
“ นี่ฉันคิดถึงเธอขนาดหลอนได้เลยเหรอนี่!? ” ริออนพูดพลางเกลี่ยผมที่หน้าผากของลินลี่เบาๆแล้วยิ้มเจือเศร้า ก่อนที่จะฟุบลงไปที่ข้างๆเตียงเหมือนเดิม
“ แกโง่ขนาดถูกฉันหลอกได้ง่ายๆเชียวเหรอนี่!! ” เสียงของลินลี่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ ริออนรีบเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วทันที และพบกับลินลี่ที่นอนยิ้มแป้นอยู่ด้วย
“ ลินลี่ฟื้นแล้วจริงๆด้วย!!! ” พูดจบริออนก็กำลังจะก้มลงไปกอดลินลี่ทันที แต่กลับถูกห้ามไว้ก่อน
“ นี่ ไม่เห็นรึไงว่าฉันคอแห้งน่ะ เสียงแหบแบบนี้ก็น่าจะรู้อยู่นะ ”
“ อ๋อ งั้นต้องดื่มน้ำสินะ แป็ปนึงนะ เดี๋ยวฉันจัดการให้ ” ริออนรีบเทน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วยื่นให้ลินลี่ทันทีโดยที่ไม่ลืมใส่หลอดไปด้วย
“ เดี๋ยวฉันจะช่วยพยุงนะหรือว่าจะให้ฉันป้อนด้วยปากดี ” ริออนเห็นลอนลี่กำลังพยายามจะยันตัวเองลุกขึ้น เขาเลยรีบช่วยและถามทันทีทันที
“ ขอบใจแต่อย่างหลังนะไม่จำเป็น ” เขาพูดก่อนที่จะอ้าปากดูดน้ำจากหลอดน้ำ ในขณะที่ริออนก็ถือแก้วให้
“ ตอนนี้ลินลี่ยังเจ็บแผลอยู่รึเปล่า!? แล้วจะให้ฉันเรียกหมอให้มั๊ย!? ” ริออนถามด้วยความเป็นห่วง
“ แผลน่ะยังเจ็บอยู่ แต่ยังไม่ต้องเรียกหมอหรอก ฉันยังอยากคุยกับแกก่อน ” ลินลี่ตอบ
“ อืม ฉันก็มีเรื่องอยากจะคุยกับลินลี่อยู่เหมือนกัน ”
“ ตอนนี้...แผลแก...เป็นไงบ้างล่ะ ” ลินลี่ยังพยายามถามเลี่ยงประเด็นสำคัญก่อน
“ กระสุนไม่โดนจุดสำคัญน่ะ ตอนนี้ก็แค่เจ็บแผลนิดๆหน่อยๆ ”
“ ฉัน...ขอโทษนะ ”
“ เห!? ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ!? เธอไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อยนี่ คนที่ควรจะพูดคำนี้คือฉันนะ ”
“ ฉันขอโทษที่ทำให้นายเจ็บตัวแบบนี้ไง ” ลินลี่ว่าพลางก้มหน้า
“ ถ้าเพื่อลินลี่ล่ะก็ แค่นี้เล็กๆน่า ” ริออนว่าพลางลูบผมสีรัตติกาลของลินลี่เบาๆ
“ อืม งั้น...ขอบใจนะ ” ลินลี่เริ่มหน้าแดง
“ ลินลี่มีเรื่องจะพูดแค่นี้เหรอ!? ”
“ ก็เรื่องส่วนใหญ่ที่ฉันอยากรู้ แกจะต้องเป็นคนพูดไงล่ะ ฉันไม่อยากถามเองหรอก!! ” ลินลี่ตอบหน้าแดงๆ
“ นั่นสินะ เรื่องที่ลินลี่อยากรู้...คือเรื่องคำพูดสุดแสนวิเศษนั่นใช่มั๊ยล่ะ!? ”
“ ไม่รู้!!! ” เขาพูดพลางสะบัดหน้าไปทางอื่น ทำให้ริออนได้แต่มองภาพนั้นอย่างยิ้มๆ
“ ฉันรักเธอนะลินลี่ ” คำบอกรักที่จู่ๆริออนก็เอ่ยขึ้นมาทำให้ลินลี่อุทานอย่างไม่เชื่อหู
“ ห๊ะ!!? ” เขามองหน้าริออน
“ ฉันรักลินลี่ รักรักรักรักรักมากที่สุดเลย รักลินลี่เพียงคนเดียวและจะรักตลอดไปด้วย ” พูดจบริออนก็สวมกอดลินลี่อย่างแผ่วเบาแต่อบอุ่น เพราะเหตุว่ากลัวลินลี่จะเจ็บแผลเสียก่อน
“ แล้ว...คาน่าล่ะ...แก...แกรักคาน่าไม่ใช่รึไง!? ” ลินลี่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ตอนนี้หัวใจของเขากำลังอยู่ในช่วงอันตราย...กลัวคำตอบที่จะได้รับกลับมา
“ ใช่ ฉันรักคาน่า….ในแบบเพื่อนน่ะ แต่สำหรับเธอ...เธอคือหัวใจของฉัน ” พูดจบเขาก็จูบที่หน้าผากอีกครั้ง พร้อมกับดวงตาของลินลี่ที่มีน้ำใสๆไหลลงมาเป็นสาย
“ แกแน่ใจกับคำพูดนี้รึเปล่า!? แกคงไม่ทำให้ฉันเสียใจอีกนะ ”
“ ฉันแน่ใจ ‘ ฉันรักลินลี่นะ ’ คำพูดนี้ฉันสามารถพูดมันได้อย่างเต็มปาก เพราะฉันคิดแบบนั้นจริงๆ ฉันยอมรับ ฉันเคยรัก คาน่า...แต่ก็แค่ ‘ เคยรัก ’ เพราะตอนนี้ฉันรักเธอไง ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในชีวิตฉัน หัวใจฉันมันเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิดๆ โดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลย และนั่นเองก็ทำให้ฉันเผลอทำร้ายเธอไปเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ฉันเคยทำร้ายเธอ...ฉันขอโทษนะ ฉันรักเธอนะลินลี่ ”
“ ฮึก...ฮือ...อืมๆ ฉันไม่เคยโกรธแกเลย ”
“ และในเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา มันทำให้ฉันเริ่มเข้าใจหัวใจตัวเองมากขึ้น มันทำให้ฉันเข้าใจว่า...ฉันขาดเธอไม่ได้ ฉันยอมให้เธอไปอยู่กับคนอื่น และมันยังทำให้ฉันรู้อีกว่า...ฉันรักเธอมากแค่ไหน ลินลี่ ”
“ ฮึก...ฮือ...ริออน...ฮือ ” ลินลี่ร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจอย่างกลั้นไม่อยู่
“ ตอนนี้...บอกฉันอีกสักครั้งได้มั๊ย!? ลินลี่...ว่าเธอรู้สึกยังไงกับฉัน ”
“ ฉัน...ฮึก...ฉันรักแก…ริออน ” แล้วร่างทั้งสองก็กอดกันอย่างนั้นอยู่เนิ่นนาน มอบทั้งความอบอุ่นและความเข้าใจให้แก่กันและกัน
หลังจากนั้น 2 อาทิตย์...
“ นี้พวกนายเร็วๆซิฉันอยากไปเที่ยวแล้วนะ ” เสียงของบอสดังขึ้น
“ ใจเย็นๆซิริออนโตเกียวทาวเวอร์มันไม่หนีแกไปไหนหลอก ” ลินลี่พูดพลางเดินเข้าไปหาริออน
“ ค๊ราบ คุณลินลี่ ”
“ แล้วกระเป๋าที่ให้เอาไปซักนะได้รึยังเจ้าริออน ”
“ ได้แล้วครับท่านลินลี่ ”
“ นี้ๆพวกแกยังไม่หายโกรธกันอีกรึไงลำคานแล้วนะเดี๋ยวฉันก็เอาเจ้าริออนไปกินจริงๆแล้วไม่คืนนะจะบอกให้ ” คาน่าที่พึงออกมาจากห้องบ่น
“ ก็ลองดูซิแล้วแกจะรู้ว่านรกนะมีจริง ” คริสพูดพลางเดินลงมาจากบันได
“ คริสแกออกจากห้องมาดั้งแต่เมื่อไร ” คาน่าที่กำลังตกใจเอ่ยถาม
“ ก็ทันที่จะได้ยินว่าแกแอบมีใจให้เจ้าริออนนั้นแหละ ”
“ มันตั้งแต่แรกเลยนี้หว่า ”
“ เออ ”
“ ว่าแต่คนอื่นไม่ดูตัวเองเลย ” ลินลี่พูดแบบหน่ายๆ
“ เอาน่าทุกคน เตรียมตัวกันพร้อมรึยัง เลิกทะเลาะกันได้แล้ว เดี๋ยวเราจะไปเที่ยวกันแล้วนะ ” นิกะพูดพร้อมเดนิลงจาดบันไดมากับคาริน พีช โรส รัน
“ พร้อมแล้วจะไปกันรึยังฉันอยากไปเที่ยวแล้ว ” คารินพูดแล้วทำหน้าเบื่อหน่าย
“ พร้อมกันหมดแล้วนะงั้นไปกันเลย ” นิกะพูดแล้วนำทางเพื่อนๆไปที่รถที่จอดรออยู่หน้าโรงแรม
และแล้วรถตู้สีขาวก็แล่นออกจากโรงแรมในเวลาไม่นาน มุ่งตรงไปที่โตเกียวทาวเวอร์ที่เป็นสถานที่สำคัญในโตเกียวที่หนึ่งเช่นกันและหลังจากนั้นไม่นานพอรถตู้สีขาวของลินลี่และเพื่อนๆมาถึงหน้าโตเกียวทาวเวอร์นิกะที่นั้งอยู่ข้างหน้าก็จากรถมาก่อนแล้วเรียกเพื่อนๆของตนลงจากรถ
“ นี้ทุกคนเร็วๆหน่อยดิวันนี้โตเกียทาวเวอร์มีจุดดอกไม้ไฟนะเดี๋ยวก็ไม่ทันดูดอกไม้ไฟเหมือนคราวที่แล้วอีกหลอก ” นิกะก็กวักมือเรียกเพื่อนๆของตน
“ จ้าๆ นิกะจะรีบไปไหนเนี่ยอย่างน้อยคราวนี้ก็คงไม่มีใครมาจับตัวพวกเราไปได้เหมือนคราวก่อนอีกแล้วละ !! ไม่ต้องรีบ ก็ได้ ” คารินพูดพลางเรียกนิกะให้เดินช้าๆ
“ อย่าพูดถึงเรื่องรายๆให้เป็นรางจะได้ไหมวันนี้เป็นวันดีนะเรื่องไหนที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันไปน้า ” ลินลี่เดินมาแล้วพูดเสริมทันที
“ เข้าใจกันแล้วนะว่าคุณหนูลินลี่ไม่อยากได้ยินเรื่องนี้อีกแล้วหยุดพูดกันเดี๋ยวนี้เลย ” ริออนที่ถือกระเป๋าของลินลี่ลงมาจากรถพูด
“ นี้ยังไม่เลิกเล่นกันอีกเหลอ พวกเธอนี้ไรสาระกันจริงๆ ” โรสที่เดินมาพูด
“ ช่างพวกมันเถอะน่าเดี๋ยวเบื่อแล้วก็หายโกรธกันเองแหละ ” คริสพูด
“ เอาน่า เอาน่า พวกเรารีบขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า ” ริสพูดแล้วลากทุกคนขึ้นริบไป
ติ๊ง ...
“ เย้ ถึงแล้ว ” นิกะดีใจมาก
“ นี้คริสเดี๋ยวนายกับคาน่าไปที่ๆนัดกันไว้ก่อนเลยนะเดี๋ยวพวกเราไปซื้อขนมเดี๋ยวมา ” คารินเอ่ยแล้วลากเพื่อนๆทุกคนไปอีกทาง
“ คริสพวกนั้นเป็นอะไรกันนะ?? ” คาน่าถามแบบงง
“ ถามฉันแล้วฉันจะถามไคเล่า แต่ช่างพวกมันไปก่อนเถอะตอนนี้พวกเรารีบขึ้นไปที่ๆพวกนั้นเตรียมไว้ให้ก่อนเถอะ ” คริสพูดแล้วพาคาน่าเดินตามป้ายไป
“ เออๆก็ได้งั้นรับไปกันดีกว่า ” คาน่าพูดจบแล้วเดินตามคริสไป
“ นี้คารินเดี๋ยวฉันกับโรสจะไปซื้อน้ำนะ เราแยกกันตรงนี้นะ ” ริสพูดแล้วเดินไปอีกทาง
“ ก็ดีเหมือนกันงั้นแยกกันตรงนี้เลยละกัน แล้วถ้านัดเจอกันที่ไหนจะโทรบอกอีกที ” คาน่าตอบแล้วเดินต่อไป
“ นี้คารินเดี๋ยวฉันไปส่งรันเข้าห้องน้ำก่อนนะ พอดีรันตื่นเต้นนะก็เลย... ” พีชพูดเสร็จแล้วก็ลารันไปเข้าห้องน้ำตามที่บอก
“ เอาละตอนนี้ก็เหลือแค่พวกเราแล้วนะ ” ลินลี่พูดพลางมองรอบๆ
“ งั้นฉันกับนิกะจะไปซื้อไอติมก่อนนะแล้วเจอกัน ” พอคาน่าพูดจบก็ลากนิกะเดินไปอีกทางทันที
“ อ่าวแล้วพวกเราละ??? ” ริออนตะโกนถาม
“ เดี๋ยวพวกเธอเดินไปซื้อขนมร้านข้างหน้านี้นะแค่เดินตามป้ายไปก็ถึงแล้วสู้ๆนะ ” คารินพูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป
“ งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะลินลี่ ( ที่รัก ) ” ริออนพูดขึ้น
“ เออๆงั้นไปก็ไป แกเดินนำไปซิริออน ” พูดแล้วลินลี่ก็ผลักให้ริออนเดินนำ
“ ฉันไม่รู้ทางหลอกฉันไม่ได้มาญี่ปุ่นมานานแล้ว ” ริออนพูด
“ อ้าว!!!ฉันก็นึกว่านายรู้จักทาง ” ลินลี่ถามแบบงงๆ
“ ลินลี่ไม่รู้ทางเหลอ ลินลี่อยู่ที่ญี่ปุ่นนี่นา น่าจะรู้ทางบ้างซิ ” ริออนถามลินลี่
“ ไม่รู้หลอก เพราะฉันไม่ชอบออกจากบ้าน เลยไม่ค้อยรู้จัก ” ลินลี่ตอบ
“ ช่างมันเถอะเดี๋ยวเราเดินตามป้านก็น่าไปจะถึง ” ริออนตอบแล้วยิ้มให้ลินลี่
“ เออๆ งั้นแกก็นำไปซิ - /// - ”
“ คราบคุณลินลี่ ^^ ”
“ นี้คารินแผนของพวกเราคงจะสำเร็จใช้ไหม??? ” ริสถามคาน่า
“ สำเร็จซิยังไงก็ต้องสำเร็จ ขนาดหลอกให้พวกนั้นมาญี่ปุ่นยังทำได้เลย ” คารินตอบอย่างมั้นใจ
“ งั้นเรามารอดูผลกันดีกว่า ” ริสเอยชวนเพื่อนๆ
“ งั้นไปกันเลย ” พีชพูดเสริมแล้วหน่วยช่วยเหลือทั้ง 6 ก็ไปรอดูผลงานที่ตัวเองทำอย่างภาคภูมิใจ
“ นี้คริสพวกนั้นหายไปไหนกันนะนานจังเลย??? ” คาน่าถามคริสด้วยความสงสัย
“ พวกนั้นคงอยากให้เราอยู่ด้วยกันมั้ง !!! ” คริสตอบแบบกวนๆ ส่วนคาน่า O///O
“ 555++ นี้เธอเขินเหลอ ”
“ ........... ”
“ ริออนนั้นไงร้านขายขนมที่คารินบอก ” ลินลี่ตะโกนบอกริออน
“ ลินลี่เก่งจังเลย ^^ ” ริออนปรบมือชมลินลี่
“ อย่ามัวแต่ชมกันอยู่เลยรีบซื้อขนมแล้วกลับกันดีกว่า ”
“ ได้ครับ ท่านลินลี่ ^^ ”
ปัง ...
“ นี้มันอะไรกัน !!! ” ลินลี่ร้องด้วยความตกใจ
“ ก็จุดชมวิวไงลินลี่ ” ริออนตอบหน้าตาเฉย
“ ก็รู้แต่ทำไมพวกเรามาโผล่ที่นี้ได้ !!! ”
“ พวกนั้นคงไม่อยากเป็น กขค มั้งเลยให้พวกเราอยู่กันสองคนไง ” ริออนตอบแบบยิ้มๆ
“ บ้านแกซิ ”
“ ลินลี่ ”
“ อะไร ”
“ ฉันรักเธอ ”
“ ... นี้แกจะพูดตรงไปไหนเนี้ย ”
“ ไม่ชอบเหลอ ”
“ ก็แค่ฉันพูดแบบนั้นไม่ได้ก็แค่นั้นเอง ”
“ ถ้าอย่างนั้น ฉันพูดแทนเธอเอง ”
“ ..... ”
“ รักนะ เพราะฉะนั้นรับรักฉันได้มั้ย ”
“ อื่ม ”
“ ไม่ได้ยินเลย ”
“ ได้ ”
“ อะไรนะ ”
“ ฉันไม่รักแกแล้ว ”
“ ลินลี่ไม่รักฉันแล้ว TT^TT ”
“ เออ ”
“ งั้นฉันไปก็ได้ ...”
“ เฮ้ย !!! ”
“ อ้าวซวยแล้ว ประตูเปิดไม่ได้ ”
“ หนีไปฉันเปิดเอง ”
ปัง ...
“ เปิดไม่ออกอะ ”
“ งั้นอยู่ในนี้กันก่อนได้ไหม ซักแป็บก็ยังดี ” ริออนมองหน้าลินลี่แล้วพูดขึ้น
“ ก็ได้ ” แล้วริออนก็เดินไปกอดลินลี่โดยที่ลินลี่ก็ไม่ขัดขืนใดๆ
อีกด้านหนึ่ง... ขณะที่ทั้งสองกำลังนั้งดูดาวกันอยู่
“ คาน่าเธอรักฉันมั้ย ??? ”
“ หมายความว่าไง ??? ”
“ ก็ฉันได้กลิ้นความรักโชยมานิ ^^ ”
“ ... อื่ม ” O///O
“ อะไรนะ ”
“ .. รัก ” O///O
“ ไม่ได้ยินเลย ”
“ ก็บอกว่ารักไงเล้าไอ่หูตึง ”
“ 555++ เธอก็รักฉัน งั้นเรา คบกันเถอะ ”
“ ห๊ะ !!! ”
“ คบกันไง แ – ฟ – น อ่านว่า แฟน ”
“ พูดจริงเหลอคริส ” 0o0
“ เออ ฉันจริงจังนะ ”
“ เอา เอาก็เอา ”
“ แล้วฉันจะไม่ทำให้เธอบาดเจ็บหรือเสียใจอีกเป็นครั้งที่ 2 อีกแล้ว ” พูดจบชิลลี่ก็ก้มลงไปจูบที่มือของคาน่า
“ ฉันก็จะไม่หนีแกไปไหนอีกแล้วเหมือนกัน ”
ทางด้าน ริออน...
“ ริออนแกเคยรักฉันรึป่าว ” ลินลี่เอ่ยถามคนที่นั่งข้างๆ
“ เคยซิ ตอนนี้ไง มากด้วย ^^ มีอะไรรึป่าว??? ”
“ ไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้น แค่อยากถามเฉยๆ ”
“ งั้น... ลินลี่ละลินลี่เคยรักฉันบ้างรึป่าว ”
“ เคย... มั้ง ”
“ งั้นฉันขอคบกับเธอเดี๋ยวนี้เลย และตลอดไปได้รึป่าว ”
“ เออ ”
“ ห๊ะ ไม่ได้ยินเลย ”
“ ก็บอกว่าได้ไงไอ่ริออนโง่เอ่ย ” ถึงปากจะพูดแบบนั้นแต่ในใจกลับด๊ใจจนแทบจะเป็นบ้า
“ ไชโย ในที่สุดลินลี่ก็รักฉันซะที ”
“ เออๆ ”
“ งั้นพวกเราจุดพลุกันเลยดีกว่า ” เสียของหน่วยช่วยเหลือทั้ง 6 ดังขึ้น 3 2 1 ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
และสิ่งที่ทั้งสองคู่ซึ่งได้แก่ คริส คาน่า ริออน ลินลี่ ได้เห็นนั้นก็คือพลุที่สวยที่สุดในชีวิตของพวกเขา ซึ้งนั้นก็คือพลุที่พวกเขาเลือกด้วยตัวเองตั้งแต่วันเทศการดอกไม้ไฟที่ผ่านมาและเป็นดอกไม้ไฟที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและเรื่องราวต่างๆทั้งสอนคู่ให้สัญญาต่อกันว่าจะรักกันและจะผูกหัวใจสองดวงไว้ด้วยด้ายสีแดงแห่งพรมลิขิตตลอดไป
.......... THE END ..........
ผลงานอื่นๆ ของ Mr.Change ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Mr.Change
ความคิดเห็น